หัวข้อข่าวปีที่ 7 ฉบับที่ 45 ประจำวันที่ 2006-11-06

ข่าวการศึกษา

เผยคนไทยว่างงานต่ำแม้ความสามารถในการแข่งขันลดลง
ผอ.สทศ.ติงสพฐ.จัดสอบช่วงชั้น ส่งผลรร.ปรับหลักสูตรเหมือนกัน
เตือนเด็กสอบโอเน็ตตรวจสอบที่นั่ง-สนามสอบก่อนหมดสิทธิ์
เนชั่นจัดสอบพรีโอเน็ต ซิวรางวัลมูลค่ากว่า3 ล.
สกอ.ประกาศปฏิทินสอบเอเน็ตปี 2549 เผยวันรับ สมัครแอดมิชชั่น
เลื่อนสอบ O-NET เอื้อเด็กประสบอุทกภัย
ชี้ใช้ “Exit Exam” วัดผลต้องคิดให้ดี
มศว ระดมสมองหาทางออกและประเมินผลระบบแอดมิสชั่น
นักวิชาการชี้เลิกฝันเลิกเด็กฝาก-แป๊ะเจี๊ยะเข้าเรียน
ติวเข้มแอดมิชชั่นส์ปี 50 ฟรีเด็ก ม.ปลายภาคอีสาน 10 พ.ย.นี้
ดันหลักสูตรเศรษฐกิจพอเพียงทุกระดับ
สทศ.พึ่งเซียนจาก สสวท.ออกข้อสอบวิทย์-คณิตฯ
สมศ.เตรียมออกประเมินคุณภาพรอบ 2

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

นักวิทย์อเมริกันเสกน้ำให้เป็นโลหะ
กระตุ้นสมองด้วยไฟฟ้าแรงอ่อน ท่องจำศัพท์ได้ อย่างแม่นยำดี
ผู้บุกเบิกเวิลด์ไวด์เว็บทุกข์ใจ หวั่นลงเอยด้วยการป ล่อยข่าว
‘เครื่องนวดภูมิปัญญาชาวบ้าน’
เนคเทคจัดสัมมนากระตุ้นโอเพ่นซอร์ส
ธนาคารอัจฉริยะบนซอฟต์แวร์ไมโครซอฟท์
พลิกตำรับยายุคใหม่ใช้ "จีโนม" เป็นตัวตั้ง ลดผลกระทบข้างเคียงคนไข้
นกพิราบกับลิงมีความจำเป็นเลิศ เป็นความจำ ประเภทระยะยาว
รมว.วิทย์ขานรับแผน10 เพิ่มนักวิจัยขึ้นเท่าตัว หนุนเอกชนทำ R&D

ข่าววิจัย/พัฒนา

หุ่นยนต์ติดแขนกลถอนวัชพืชใช้กล้องสอดส่องติดหัวฉีดยาฆ่าหญ้าถึงราก
พบสารสกัดจากเห็ดต้านทานมะเร็งตับลดผลข้างเคียงเคมีบำบัดยื้อชีวิตผู้ป่วย
ทำเครื่องปราบเหาปลอดเคมี กำจัดได้ทั้งตัวและไข่ เกลี้ยง
หุ่นยนต์นาโนส่งตรวจอวัยวะภายใน
ปัญญาประดิษฐ์จ้อได้ไม่ผิดมนุษย์
อุปกรณ์แปลภาษาพูดรุ่นใหม่ใช้เทคนิคอ่านปากไม่ต้องเอ่ยคำ
อังกฤษพิสดารผสมพันธุ์มนุษย์กับวัว
เครื่องบินเก็บเสียงแก้ปัญหาหูแตกออกแบบใหม่หัวจดท้ายลดเสียงกัมปนาทขึ้นลง
มัธยมเชียงใหม่ให้หญ้าแฝกสยบปลวก
มัธยมเชียงใหม่ใช้หญ้าแฝกสยบปลวก

ข่าวทั่วไป

ไอซีทีฟันธง สมาร์ทการ์ดจบแน่! ธ.ค.นี้ ปิดฉากประมูลรวดเดียว 39 ล้านใบ
ซดแกงที่มีเครื่องปรุงจากขมิ้น ช่วยป้องกันโรคกระดูกข้ออักเสบ
ดาวพุธผ่านหน้าดวงอาทิตย์รุ่งเช้านี้ ร้อยปีมีโอกาสเห็นได้น้อยครั้ง เตือนห้ามดูด้วยตาเปล่า
เด็กไทยฉลาด
เผยรายชื่อผู้ได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลปี 49
ร้องให้ช่วยรักษาเมืองเก่าสุโขทัย ให้พ้นอันตราย จากโลกร้อนขึ้น





ข่าวการศึกษา


เผยคนไทยว่างงานต่ำแม้ความสามารถในการแข่งขันลดลง

ดร.อำรุง จันทวานิช เลขาธิการสภาการศึกษา (กกศ.) เปิดเผยว่า จากการที่สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.)ได้ทำการศึกษารายงานการเปรียบเทียบสมรรถนะของประเทศไทยกับนานาชาติ เพื่อให้ทราบศักยภาพของไทยในเวทีสากล และใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการกำหนดนโยบายและวางแผนการพัฒนาสมรรถนะการศึกษาไทยให้มีคุณภาพมาตรฐานระดับสากล โดยใช้ดัชนีของ International Institute for Management Development (IMD) เป็นหลัก ซึ่งผลการศึกษาสมรรถนะในภาพรวมของประเทศไทยในเวทีนานาชาติ พ.ศ. 2549 พบว่า สาธารณรัฐประชาชนจีน มีอันดับดีขึ้นมากที่สุดถึง 12 อันดับ คือ จากอันดับที่ 31 เป็นอันดับที่ 19 ขณะที่ประเทศไทยมีอันดับความสามารถในการแข่งขันลดลง 5 อันดับ คือ จากอันดับที่ 27 เป็นอันดับที่ 32 สำหรับสมรรถนะการแข่งขันด้านการศึกษาของไทยในเวทีนานาชาติ พบว่า ปี 2549 ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 48 จาก 61 ประเทศ ขณะที่ปี 2548 อันดับที่ 46 ซึ่งแม้สมรรถนะด้านนี้จะลดลง 2 อันดับแต่ยังอยู่ในอันดับเหนือกว่าอินโดนีเซีย สาธารณรัฐประชาชนจีน และฟิลิปปินส์ อย่างไรก็ตามหากพิจารณาในรายละเอียดจากหลักเกณฑ์ต่าง ๆ จะพบว่า สมรรถนะการศึกษาไทยมีผลทั้งที่น่าพึงพอใจและที่ยังต้องปรับปรุงและพัฒนาให้ดีขึ้น เช่น การตอบสนองความสามารถในการแข่งขันของระบบการศึกษาในปี 2549 มีแนวโน้มดีขึ้น ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในภูมิภาคเดียวกันแล้ว ไทยได้คะแนนมากกว่าเกาหลี ฟิลิปปินส์ เจอเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน และอินโดนีเซีย และหากพิจารณาเชื่อมโยงกับอัตราการว่างงาน ซึ่งถือว่าเป็นจุดแข็งที่สุดของไทย คือมีอัตราว่างงานต่ำเป็นอันดับ 1 ติดต่อกันมา 4 ปี ทำให้สามารถสะท้อนให้เห็นในอีกแง่มุมหนึ่งว่า ระบบการศึกษาของไทย สามารถผลิตแรงงานที่ตอบสนองต่อระบบเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 6 พ.ย. 2549 http://www.dailynews.co.th)





ผอ.สทศ.ติงสพฐ.จัดสอบช่วงชั้น ส่งผลรร.ปรับหลักสูตรเหมือนกัน

ดร.อุทุมพร จามรมาน ผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เปิดเผยว่า ตนมีหลายเรื่องที่ต้องการจะหารือกับคุณหญิงกษมา วรวรรณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ซึ่งจะหาเวลานัดหมายคุยใน 4-5 ประเด็น ส่วนการที่คุณหญิงกษมา จะมอบหมายให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) จัดทดสอบช่วงชั้น ป.2 ป.5 ม.2 และ ม.5 นั้น อาจจะได้ผลทดสอบความก้าวหน้าของโรงเรียนไม่เท่ากัน เพราะหลักสูตรในปัจจุบันได้ให้โรงเรียนออกแบบได้เอง เพียงแต่กำหนดผลสัมฤทธิ์ของแต่ละช่วงชั้น ตนเสนอแนะว่าควรให้โรงเรียนจัดทดสอบเด็กเองเพื่อดูความก้าวหน้าของเด็ก เพราะมีเวลาอยู่กับเด็กในแต่ละช่วงชั้นอย่างน้อย 3 ปีอยู่แล้ว หน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ควรจัดส่งทีมวัดผลประเมินผลและออกข้อสอบไปอบรมครูทั่วประเทศ “ถ้า สพฐ.จะสอบขึ้นมา มันจะยุ่ง โรงเรียนต้องปรับตัวพร้อมสอบให้ได้ ถ้าครูออกข้อสอบได้ก็วัดความก้าวหน้าเด็กเป็นระยะ ๆ ที่อยู่กับเด็ก ไม่อย่างนั้นโรงเรียนที่เขาสอนไม่เหมือนกันอาจต้องปรับหลักสูตรให้มาเหมือนกัน” (คมชัดลึก จันทร์ที่ 6 พ.ย. 2549 http://www.kokchadluek.net)





เตือนเด็กสอบโอเน็ตตรวจสอบที่นั่ง-สนามสอบก่อนหมดสิทธิ์

ดร.อุทุมพร จามรมาน ผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เปิดเผยว่า การทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) ขณะนี้ราบรื่นดี ทุกฝ่ายพยายามดูว่าอะไรที่เป็นปัญหาของปีที่แล้วจะตัดทิ้งหมด สำหรับปัญหาฐานข้อมูลที่ยังไม่นิ่งกำลังพิจารณาว่าจะทำอย่างไร การตัดสินใจปัญหาของนักเรียนที่เข้าสอบก็จะให้ศูนย์สอบทั้ง 18 แห่งทั่วประเทศตัดสินใจได้ทันที นักเรียนที่รู้ว่าตัวเองมีสิทธิ์สอบแล้วควรตรวจสอบเลขที่นั่งและสถานที่สอบ ห้องสอบ โดย สทศ.จะสื่อสารกับนักเรียนทุกทาง ทั้งเว็บไซต์ของ สทศ.ที่ www.niets.or.th โรงเรียน ศูนย์สอบ และให้หน่วยต้นสังกัดกำชับโรงเรียน เพื่อให้นักเรียนได้ตรวจสอบและแก้ไขได้ทันก่อนสอบตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค. - 23 ก.พ. โดยจะสอบวันที่ 24 - 25 ก.พ. ดังนั้น เรื่องเลขที่นั่งสอบหรือสถานที่สอบเป็นความรับผิดชอบของเด็กที่ต้องฝึกด้วย ซึ่งจะไม่เปลี่ยนสนามสอบ ทั้งนี้ จะมีการเพิ่มโรงเรียนที่จัดสอบให้อยู่ใกล้เด็กมากที่สุด ปัญหาของนักเรียนที่จะเกิดขึ้นในวันสอบถ้าเด็กมีเลขที่สอบแต่ไม่มีหลักฐานมา เมื่อตรวจสอบแล้วว่านักเรียนมีที่นั่งสอบแน่นอน จะยอมให้เข้าสอบโดยต้องถ่ายรูปแล้วทำรายงานถึง สทศ. ว่าเด็กมีที่นั่งสอบแต่หลักฐานไม่ชัดเจน แต่ถ้านักเรียนมีหลักฐานแต่ไม่เลขที่นั่งสอบจะไม่ให้เข้าสอบเพราะอาจไปผิดสถานที่สอบ ทั้งนี้ต้องการฝึกเด็กว่าถ้าไม่มีบัตรไม่มีหลักฐานจะไม่มีสิทธิ์ได้สอบ (คมชัดลึก จันทร์ที่ 6 พ.ย. 2549 http://www.kokchadluek.net)





เนชั่นจัดสอบพรีโอเน็ต ซิวรางวัลมูลค่ากว่า3 ล.

หลังจากเปิดตัวโครงการ NATION ADMISSION 2006 : PRE O-NET A-NET # 2 จัดโดยเนชั่น กรุ๊ป และมหาวิทยาลัยศรีปทุม และเปิดรับสมัครเข้าทดลองสอบ โอเน็ต เอเน็ตผ่านทางเวบไซต์ www.nationjunior.com หรือ www.spufriends.com ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม เป็นต้นมา และจะปิดรับสมัครในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ ปรากฏว่ามีนักเรียน ม.ปลายทั้งในกรุงเทพมหานคร และทั่วประเทศสมัครเข้าร่วมโครงการแล้วจำนวนมาก เพื่อทดสอบความพร้อมของตัวเองปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ กับข้อสอบ 10 วิชาจากคณะอาจารย์ของโครงการทบทวนความรู้สู่มหาวิทยาลัยกับมาม่า ขณะเดียวกันโรงเรียนมัธยมทั่วประเทศร่วม 120 แห่งตอบรับเป็นสนามสอบจริง เพื่อความสะดวกของนักเรียนของโรงเรียนตัวเอง และโรงเรียนข้างเคียง คาดว่าการเปิดทดลองสอบครั้งนี้ จะรองรับนักเรียน ม.ปลายทั่วประเทศได้ไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นคน นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า เครือเนชั่นได้ศึกษาระบบการจัดสอบโอเน็ต เอเน็ตของสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) มาเป็นอย่างดี จึงเชื่อว่าจะช่วยเตรียมความพร้อมให้นักเรียนในการสอบโอเน็ตในเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะขั้นตอนทุกอย่างจะทำเหมือนกับการสอบจริง (คมชัดลึก จันทร์ที่ 6 พ.ย. 2549 http://www.kokchadluek.net)





สกอ.ประกาศปฏิทินสอบเอเน็ตปี 2549 เผยวันรับ สมัครแอดมิชชั่น

ดร.จิรณี ตันติรัตนวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) รักษาราชการแทนเลขาธิการ กกอ. เผยผลการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติให้ประกาศระเบียบการสอบเอเน็ตทางเว็บไซต์ www.cuas.or.th ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. 2549 เป็นต้นไป โดยเปิดรับสมัครวันที่ 21 ธ.ค. 2549 ถึงวันที่ 10 ม.ค. 2550 ทางเว็บไซต์เดียวกัน ชำระค่าสมัครผ่านธนาคารหรือที่ทำการไปรษณีย์ไทย สอบวันที่ 3-4 มี.ค. 2550 ประกาศผลสอบวันที่ 31 มี.ค. 2550 ทางเว็บไซต์ข้างต้น ส่วนปฏิทินการสอบเอเน็ต 5 รายวิชา ดังนี้ วันที่ 3 มี.ค. 2550 เวลา 08.30 -10.30 น. สอบสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 2 เวลา 12.00-14.00 น. สอบคณิตศาสตร์ 2 และ เวลา 15.00-17.00 น. สอบภาษาอังกฤษ 2 วันที่ 4 มี.ค. เวลา 08.30 -11.30 น. สอบวิทยาศาสตร์ 2 เวลา 12.30-14.30 น. สอบภาษาไทย 2 และเวลา 15.00-17.00 น. สอบวิชาเฉพาะภาษาต่างประเทศ 6 ภาษา ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมัน จีน ญี่ปุ่น อาหรับและบาลี รักษาราชการเลขาธิการ กกอ. กล่าวต่อว่า สำหรับปฏิทินการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาหรือแอดมิชชั่น ประจำปีการศึกษา 2550 จะประกาศทางเว็บไซต์ www.cuas.or.th ตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย. 2550 จำหน่ายระเบียบการฯที่ศูนย์ กทม.และภูมิภาค วันที่ 5-23 เม.ย. 2550 รับสมัครวันที่ 11-23 เม.ย. ทางเว็บไซต์ ชำระค่าสมัครผ่านธนาคารหรือที่ทำการไปรษณีย์ไทย และประกาศผลผู้ผ่านการคัดเลือกวันที่ 15 พ.ค. 2550 ทางเว็บไซต์เดียวกันนี้ ส่วนกรณีที่มีข่าวเลื่อนสอบแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐานหรือโอเน็ต เนื่องจากนักเรียนหลายพื้นที่ประสบปัญหาน้ำท่วมนั้น ศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน ผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) กล่าวว่า สทศ.ขอยืนยันกำหนดการสอบโอเน็ตตามปฏิทินเดิมในวันที่ 24 - 25 ก.พ.2550 ส่วนโรงเรียนที่ไม่สามารถเปิดการสอนได้ตามปกตินั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ระดมอาจารย์ไปสอนเสริมเพื่อให้นักเรียนเรียนได้ทัน. (ไทยรัฐ พุธที่ 8 พ.ย. 2549 http://www.thairath.co.th)





เลื่อนสอบ O-NET เอื้อเด็กประสบอุทกภัย

ตามที่ได้เกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่จนโรงเรียนไม่สามารถเปิดการสอนได้ตามปกติ ในขณะที่ สทศ. ได้กำหนดปฏิทินการสอบแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ในวันที่ 24-25 ก.พ. 2550 ซึ่งทำให้เด็กนักเรียนชั้น ม.6 ในโรงเรียนที่ปิดทำการสอนเสียประโยชน์ เนื่องจากเรียนไม่ทันนั้น ศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน ผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) กล่าวว่า ได้หารือกับคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ในเบื้องต้นอาจต้องเลื่อนสอบโดยใช้ข้อสอบคู่ขนาน ซึ่งจะทำ ให้งาน สทศ.เสร็จไม่ทันตามปฏิทินที่กำหนดไว้ และหากเด็กจะนำผล O-NET ไปใช้ในการเข้ามหาวิทยาลัยก็จะเป็นปัญหา แต่ทั้งนี้คงจะมีการหารืออีกครั้ง รวมทั้งจะหารือกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ว่าจะเลื่อนสอบแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง (A-NET) ได้หรือไม่ ศ.ดร.อุทุมพรกล่าวอีกว่า ส่วนข้อเรียกร้องของนักเรียนที่อยากให้นำผลการสอบ O-NET ครั้งที่ 2 มาใช้ในการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย นางอุทุมพร กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นข้อตกลงของที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ว่าจะใช้คะแนน O-NET ที่สอบครั้งแรกเท่านั้น ทั้งนี้ สทศ.ได้ขอให้ สพฐ.จัดทำฐานข้อมูลนักเรียน ซึ่งประกอบด้วย ชื่อนักเรียน รหัสนักเรียน รหัสโรงเรียน เลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ผลการเรียนเฉลี่ยรายกลุ่มสาระการเรียนรู้ (GPA) และผลการเรียนเฉลี่ยตลอดหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย (GPAX) ของนักเรียนระดับชั้น ม.6 เพื่อ สทศ.จะได้นำไปใช้เตรียมการในการจัดสอบ ซึ่งขณะนี้ทราบว่า สพฐ.จัดทำค่อนข้างสมบูรณ์แล้ว ด้านคุณหญิงกษมา กล่าวว่า ตนได้รับร้องเรียนถึงปัญหาของนักเรียนที่โรงเรียนไม่สามารถเปิดสอนได้ปกติแล้ว ก็คงต้องติดตามดูว่าหลังจากกลางเดือน พ.ย.นี้แล้ว ยังมีโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาที่ไม่สามารถเปิดเรียนได้อีกกี่แห่ง และจะนำมาหารือกันอีกครั้งถึงวิธีที่จะดำเนินการต่อไป ซึ่งจากการหารือเบื้องต้นพบว่า สทศ. ยินดีที่จะเลื่อนทดสอบให้ แต่จะเกิดปัญหากับเด็กนักเรียนในกรณีที่จะนำผลการสอบไปเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งเด็กจะเสียเปรียบในส่วนนี้ อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้รับรายงานว่าโรงเรียนหลายแห่งที่ยังไม่สามารถเปิดเรียนได้ ได้นำเด็กนักเรียนระดับชั้น ม.6 ไปเรียนกับโรงเรียนในบริเวณใกล้ (ไทยรัฐ พุธที่ 8 พ.ย. 2549 http://www.thairath.co.th)





ชี้ใช้ “Exit Exam” วัดผลต้องคิดให้ดี

ศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน ผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เสนอให้กำหนดเกณฑ์มาตรฐานการผ่านช่วงชั้นและจัดสอบลักษณะบังคับก่อนจบการศึกษาในแต่ละช่วงชั้น หรือ Exit Exam นั้น ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า สัปดาห์หน้าจะเชิญคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ศ.ดร.ปรัชญา เวสารัชช์ ประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) พร้อมทั้ง ผอ.สทศ.มาหารือในเรื่องดังกล่าว รศ.ดร.วันชัย ศิริชนะ อธิการบดี ม.แม่ฟ้าหลวง กล่าวว่า ต้องดูวัตถุประสงค์ที่จะนำผลการสอบ Exit Exam ไปใช้เพื่อการใด โดยส่วนตัวตนเห็นว่าถ้าประเทศไทยจะเอา Exit Exam มาวัดตั้งแต่ ป.6, ม.3 และ ม.6 คงต้องคิดให้ดี เพราะการวัด ป.6 และ ม.3 อาจจะเกิดผล 2 ด้าน คือ 1. ทำให้เด็กเร่งรัดไปกวดวิชากันมากขึ้น 2. ประเทศไทยมีโรงเรียนที่มีคุณภาพมาตรฐานแตกต่างกันมาก อย่างไรก็ตาม การสอบ Exit Exam ในระดับประถมและมัธยมควรทำ แต่ไม่ควรนำผลไปใช้เป็นเครื่องวัดว่าเด็กจะจบการศึกษาหรือไม่. (ไทยรัฐ พุธที่ 8 พ.ย. 2549 http://www.thairath.co.th)





มศว ระดมสมองหาทางออกและประเมินผลระบบแอดมิสชั่น

รศ.สมชายชูชาติ คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เปิดเผยว่าคณะศึกษาศาสตร์โดยภาควิชาการวัดผลและวิจัยทางการศึกษาจะจัดเวทีประชุมสัมมนาทางวิชาการเรื่อง Admissions : สภาพปัจจุบันและทิศทางในอนาคต ณ ห้องประชุม อาคารวิจัยและการศึกษาต่อเนื่องฯ มศว ประสานมิตร ในวันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน2549 เพื่อการเสนอความคืบหน้าของการประเมินผลทางวิชาการของระบบแอดมิสชั่น ทั้งนี้เพื่อเป็นการนำเสนอของสื่อมวลชนสาธารณะชนรับรู้ว่า ที่ผ่านมา 1 ปีเกิดปัญหามากมายในฐานะที่ภาควิชาการวัดผลและวิจัยทางการศึกษา มศว เปิดการเรียนการสอนด้านนี้มา มีความเห็นว่า 1 ปีผ่านไปของการใช้ระบบการวัดผลนี้น่าจะมีความคืบหน้าและหาข้อสรุปร่วมกันว่าทางออกในขณะนี้ของระบบแอดมิสชั่นเป็นอย่างไร และอนาคตจะเป็นอย่างไร ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการประเมินผลแบบสมบูรณ์ของระบบแอดมิสชั่น แต่สื่อมวลชนได้ประเมินผลไปเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะเรื่องการตรวจข้อสอบ ประเด็นเหล่านี้ผู้เกี่ยวข้องโดยเฉพาะสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ต้องมาพูดคุยเรื่องการประเมินว่าระบบแอดมิสชั่นมีผลกระทบต่อสังคมอย่างไรประสิทธิภาพของระบบที่บอกว่าดีแล้วนั้น ดีในแง่มุมไหน และดีในทัศนะของใคร เป็นระบบที่ควรใช้ต่อไปหรือไม่ (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 9 พ.ย. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





นักวิชาการชี้เลิกฝันเลิกเด็กฝาก-แป๊ะเจี๊ยะเข้าเรียน

รศ.ดร.สมพงษ์จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยต่อแนวทางการยกเลิกเด็กฝากเด็กเส้นและแป๊ะเจี๊ยะของ ศ.ดร.วิจิตรศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ว่าไม่มีทางทำได้ถาวร เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของระบบการศึกษาไทย อาจหยุดได้ครั้งคราว แต่เมื่อรัฐมนตรีที่มาจากนักการเมืองก็จะกลับมาอีก และคิดว่าปัญหาจะยิ่งรุนแรงมากกว่าเดิม ดังนั้นช่วงเวลา 1 ปีน่าจะไปทำอย่างอื่นที่ความสำคัญเร่งด่วนมากกว่าจะมาเสียเวลาแก้ปัญหานี้เช่นการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำอย่างไรให้ครูสอนเรื่องศีลธรรม ศาสนาลงไปในวิถีชีวิตของเด็ก รวมทั้งระบบที่จะรองรับการกระจายอำนาจการศึกษา ถ้าจะแก้ปัญหาเด็กฝากเด็กเส้น แป๊ะเจี๊ยะได้ ต้องออกเป็นระเบียบ มีกฎหมายว่าเรื่องเหล่านี้เป็นความผิด เพราะตราบใดที่ไม่สามารถทำเรื่องการศึกษาให้ใกล้เคียงกันได้หรือทรัพยากรที่ใช้ในการศึกษาไม่เพียงพอ ไม่มีทางที่จะลดค่านิยมโรงเรียนดังลงได้ (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 9 พ.ย. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





ติวเข้มแอดมิชชั่นส์ปี 50 ฟรีเด็ก ม.ปลายภาคอีสาน 10 พ.ย.นี้

นายทรงยศ สามกษัตริย์ รองผู้จัดการศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า การดำเนินโครงการ เปิดประตูสัญจรตะลอน School Tour เมื่อปีที่แล้วได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ในปีนี้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา (มทร.อีสาน) ร่วมกับศูนย์หนังสือจุฬาฯ สถานีวิทยุแห่งจุฬาฯ และหนังสือพิมพ์ "คม ชัด ลึก" จึงร่วมกันกิจกรรม เปิดประตู สัญจรตะลอน School Tour ครั้งที่ 2 แก่นักเรียน ม.ปลายในภาคอีสาน เพื่อเตรียมความพร้อมในการสอบแอดมิชชั่นส์ ปีการศึกษา 2550 "สถานีวิทยุแห่งจุฬาฯ เป็นหน่วยงานหลักที่นำทีมไปให้ความรู้ในเรื่องแอดมิชชั่นส์กับโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งในรูปแบบกิจกรรมแนะแนว เช่น การอ่านหนังสือ การเตรียมความพร้อม การลือกคณะ ตอบทุกคำถามให้เกี่ยวกับแอดมิชชั่นส์ และกิจกรรมแจกรางวัลต่างๆ มากมาย โดยวิทยากรผู้มีความรู้จากสถานีวิทยุแห่งจุฬาฯ และ มทร.อีสาน” ผศ.ชูชัย กล่าวต่อว่า ขอเชิญนักเรียน คณะอาจารย์ และผู้ปกครอง ร่วมค้นหาคำตอบในการสอบแอดมิชชั่นส์ได้ ในวันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายนนี้ ที่ มทร.อีสาน จ.นครราชสีมา โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สำรองที่นั่งได้ที่ฝ่ายกิจการนักศึกษา มทร.อีสาน โทร.0-4427-1312-3 ต่อ 2300 ทั้งนี้ มทร.อีสาน ได้ร่วมจัดทีมแนะแนว “เปิดประตูสู่ ม.เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน” นำชมการเรียนการสอนในทุกสาขาทั้ง 12 คณะ ที่จะเปิดรับสมัครนักศึกษาในระดับ ปวส. 36 หลักสูตร จำนวน 4,400 คน และระดับปริญญาตรี 88 หลักสูตร จำนวน 5,600 คน โดยมีอธิการบดี มทร.อีสาน เป็นประธาน พร้อมให้ข้อมูล มทร.อีสาน 5 วิทยาขต รับนักศึกษาปี 2550 ได้ถึง 1 หมื่นคน (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 9 พ.ย. 2549 http://www.komchadleuk.net)





ดันหลักสูตรเศรษฐกิจพอเพียงทุกระดับ

ดร.จรวยพร ธรณินทร์ รักษาการปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “ขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษา” โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า รัฐบาลประกาศนโยบายสร้างสังคมคุณธรรม ซึ่งมีเรื่องเศรษฐกิจรวมอยู่ด้วย เรื่องนี้ ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศธ. มอบให้สำนักปลัด ศธ.เป็นผู้ประสานงานในภาพรวมการดำเนินงานกับ 5 องค์กรหลัก ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาความรู้ คัดเลือกสถานศึกษานำร่อง และการจัดภาพรวม เพื่อเสนอต่อ ศ.ดร.วิจิตร ก่อนที่จะเสนอต่อคณะรัฐมนตรี สำหรับรูปแบบการดำเนินงานนั้นจะแตกต่างกัน โดยสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) จะนำความรู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง สอดแทรกในหลักสูตรการเรียนการสอน และกิจกรรมต่างๆ ส่วนสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เน้นในการพัฒนาทักษะอาชีพ การช่วยเหลือสังคม สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เน้นพัฒนาการเป็นผู้นำ สร้างบัณฑิตคุณภาพ สำหรับสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) เน้นการนำชุมชนไปสู่หลักเศรษฐกิจพอเพียง และสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เน้นขับเคลื่อนองค์ความรู้และนโยบาย ทั้งนี้งานต่างๆ เหล่านี้ได้รับความร่วมมือจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ในการสนับสนุนองค์ความรู้และคณะวิทยากร “ขณะนี้ได้นำเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงบรรจุลงในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานแล้ว โดยตั้งเป้าว่าเมื่อเด็กจบการศึกษาขั้นพื้นฐานแล้ว จะต้องมีความรู้ความเข้าใจ และสามารถนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ อย่างยั่งยืน” ดร.จรวยพรกล่าวและว่า นอกจากนี้ จะมีการคัดเลือกโรงเรียนต้นแบบ 1 เขตพื้นที่ 1 สถานศึกษา รวม 175 โรงเรียน เป็นโรงเรียนนำร่องในการจัดการเรียนการสอนในหลักสูตรและกิจกรรมต่างๆ ที่แต่ละแห่งจะจัดกิจกรรมไม่ซ้ำกัน เช่น ธนาคารวันละบาท การสร้างสิ่งแวดล้อมที่สมดุล เป็นต้น เพื่อขยายผลเครือข่ายต่อไป. (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 10 พ.ย. 2549 http://www.thairath.co.th)





สทศ.พึ่งเซียนจาก สสวท.ออกข้อสอบวิทย์-คณิตฯ

.ดร.อุทุมพร จามรมาน ผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เปิดเผยว่า ได้หารือกับ ศ.ดร.สุรินทร์ พงศ์ศุภสมิทธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เกี่ยวกับการจัดทำข้อสอบที่จะใช้ในการทดสอบการศึกษาขั้นพื้นฐานในช่วงชั้นที่ 3 (ม.3) ที่ สทศ. จะเริ่มจัดทดสอบดังกล่าวในปี 2551 โดยตนได้ขอความร่วมมือจาก สสวท. ให้ช่วยเป็นผู้รับผิดชอบในการออกข้อสอบวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ เนื่องจาก สสวท.เป็นหน่วยงานที่มีบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เป็นอย่างดี และมีความพร้อมในการออกข้อสอบวิชาดังกล่าว รวมทั้งเป็นที่ยอมรับของสังคมด้วย ในการทดสอบการศึกษาขั้นพื้นฐานในช่วงชั้นที่ 3 นักเรียนจะต้องเข้ารับการทดสอบทุกคน เนื่องจากเป็นการศึกษาภาคบังคับ 9 ปี โดยจะจัดสอบ 5 วิชาคือ วิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และสังคมศึกษา อย่างไรก็ตามเมื่อนักเรียนสอบเสร็จแล้ว ทาง สทศ. จะทำรายงานผลการสอบส่งไปยังโรงเรียนต่าง ๆ เพื่อให้โรงเรียนได้ทราบถึงคุณภาพการจัดการศึกษาของตนเองว่าอยู่ในระดับใด และจะต้องปรับปรุงแก้ไขในจุดใดบ้าง ด้าน ศ.ดร.สุรินทร์ พงศ์ศุภสมิทธิ์ กล่าวว่า ทาง สสวท. ยินดีที่จะร่วมงานกับสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติอย่างเต็มที่ และถือว่าเป็นเครือข่ายพันธมิตรที่ดี เนื่องจากมีเป้าหมายเดียวกัน คือ ต้องการสร้างคน และพัฒนาคุณภาพโรงเรียน ดังนั้นเพื่อให้ความร่วมมือระหว่าง สสทศ. และสสวท.มีความเป็นรูปธรรม ทาง สทศ.ได้มอบหมายให้ สสวท. ยกร่างความร่วมมือในประเด็น ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง หลังจากนั้นทั้งสองหน่วยงานจะได้ลงนามในสัญญาความร่วมมือโดยเร็วต่อไป (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 10 พ.ย. 2549 http://www.dailynews.co.th)





สมศ.เตรียมออกประเมินคุณภาพรอบ 2

.ดร.สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ ผอ.สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) เปิดเผยความคืบหน้าการเตรียมการประเมินคุณภาพภายนอกสถานศึกษารอบ 2 ในปี 2550 ว่า สมศ.ได้วางแผนประเมินคุณภาพสถานศึกษาขั้นพื้นฐานจำนวน 7,750 แห่ง อาชีวศึกษา 180 แห่ง และอุดมศึกษา 70 แห่ง โดยจะเริ่มประเมินตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน 2549 เป็นต้นไป โดยจะเน้นการประเมินคุณภาพว่าเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดหรือไม่ เพื่อเป็นเครื่องมือกระตุ้นให้สถานศึกษามีการพัฒนาคุณภาพภายใน แต่ทั้งนี้ สมศ.จะยังคงประเมินแบบกัลยาณมิตรเพราะต้องการให้สถานศึกษาได้เข้าถึงความเป็นจริง และหากพบว่าส่วนใดบกพร่อง ทางสมศ.ก็จะให้คำแนะนำ ทั้งนี้เมื่อสมศ.ประเมินสถานศึกษาต่าง ๆ เสร็จแล้ว จะทยอยประกาศทางเว็บไซต์เป็นรายสถาบัน ซึ่งสถาบันสามารถติดตามความคืบหน้าได้ทุกวัน ในการประเมินสถาบันอุดมศึกษาจะแยกการประเมินออกเป็นกลุ่มสาขาวิชา โดยผลการประเมินในภาพรวมของมหาวิทยาลัยอาจจะให้การรับรองเป็นรายคณะ ดังนั้นทุกมหาวิทยาลัยจะต้องลงไปดูแลคุณภาพในรายคณะด้วย นอกจากนี้ตนอยากให้รัฐบาลเลิกสนับสนุนการเป็นมหาวิทยาลัยสมบูรณ์แบบ เพราะจะทำให้เกิดปัญหาด้านคุณภาพ แต่ควรจะเน้นการเป็นมหาวิทยาลัยเฉพาะทางให้มากขึ้น โดยเป็นเหมือนกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (สจพ.) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี(มจธ.) เป็นต้น (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 10 พ.ย. 2549 http://www.dailynews.co.th)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


นักวิทย์อเมริกันเสกน้ำให้เป็นโลหะ

เวนดี้ เหมา นักวิทยาศาสตร์จากห้องปฏิบัติการแห่งชาติ ลอส อลามอส ในอเมริกา ทดลองใช้แรงอัดสูงที่มีความหนาแน่นกว่าอากาศเหนือระดับทะเล 170,000 เท่า จากนั้นยิงแสงเอกซเรย์เข้าใส่เพื่อแยกโมเลกุลในน้ำออกมา แล้วนำมาประกอบโมเลกุลเสียใหม่มีลักษณะเป็นผลึกที่ไม่เคยพบมาก่อนที่มีองค์ประกอบจากไฮโดรเจน 2 ตัว และออกซิเจน 1 ตัว นักวิทยาศาสตร์เรียกโลหะใหม่นี้ว่า "สสารพลังงานสูง" และกล่าวว่า การค้นพบครั้งนี้อาจเปลี่ยนความเข้าใจเกี่ยวกับคุณสมบัติทางเคมีที่ซับซ้อนของน้ำนี้อย่างสิ้นเชิง สสารใหม่นี้ อีกทั้งอาจเป็นบันไดขั้นแรกในการศึกษาวิธีการเก็บรักษาพลังงาน แต่กว่าจะทดลองจนได้โลหะใหม่จากการแยกสารประกอบในน้ำ ทีมวิจัยได้ลองผิดลองถูกเป็นร้อยครั้ง จนพบว่าต้องใช้พลังงานรังสีเอ็กซ์ปริมาณ 10 กิโลอิเล็กตรอนโวลต์ แช่ทิ้งไว้หลายชั่วโมง ในที่สุดทีมวิจัยสามารถสร้างโลหะชนิดใหม่ได้หลายนาโนกรัม พวกเขาได้ทดสอบคุณสมบัติของสสารใหม่ภายใต้อุณหภูมิและความกดอากาศต่างกัน และตามด้วยยิงรังสีเอ็กซ์และแสงเลเซอร์ พบว่าถ้าปล่อยให้อยู่ภายใต้แรงกดดันสูงกว่าระดับน้ำทะเลหมื่นเท่า สสารยังคงสถานะคงตัวอย่างน่าทึ่ง (คมชัดลึก จันทร์ที่ 6 พ.ย. 2549 http://www.kokchadluek.net)





กระตุ้นสมองด้วยไฟฟ้าแรงอ่อน ท่องจำศัพท์ได้ อย่างแม่นยำดี

นักวิทยาศาสตร์เมืองเบียร์ค้นพบวิธีทำให้สมองดีขึ้น ให้กระตุ้นด้วยกระแสไฟอ่อนๆ โดยพบในการทดลองกับนักศึกษาแพทย์ ใช้กระแสไฟฟ้ากระตุ้น เลียนแบบคลื่นสมองระลอกน้อยๆ ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเวลานอนหลับ ปรากฏว่าทำให้ความจำของนักศึกษาซึ่งกำลังท่องจำศัพท์ดีขึ้น นายแยน บอร์น นักประสาทวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยลือเบค ผู้ศึกษากล่าวว่า มันทำให้เขาจำได้มากขึ้น และมีความเห็นว่าวิธีนี้อาจใช้รักษาผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับความจำ และคนไข้โรคความจำเสื่อมได้ และยังอาจเป็นวิธีเลือกช่วยให้นอนหลับง่ายและดีขึ้นด้วย เขากับคณะทำการศึกษา ด้วยการให้นักศึกษาที่อาสาสมัคร เรียนคำศัพท์เป็นคู่ๆ ตามวิธีการทดสอบมาตรฐานในเวลาก่อนนอน โดยนักวิจัยจะคอยกระตุ้นสมองพวกเขาด้วยไฟฟ้าเมื่อตอนหลับ แล้วให้นักศึกษาเหล่านั้นท่องศัพท์ที่จำได้เมื่อตอนตื่น นักวิจัยยังพบด้วยว่าหากกระตุ้นตรงหนังศีรษะยามที่หลับลึก ช่วงนอนไปไม่กี่ชั่วโมง นักศึกษาจะจำศัพท์ได้มากกว่า การกระตุ้นสมองหลอกๆ “มันพิสูจน์ว่า คลื่นสมองที่เคลื่อนไหวอย่างช้าระหว่างที่เราหลับอยู่ ทำงานจริงๆเพื่อสร้างและปรับความจำของเราให้แน่นขึ้น”. (ไทยรัฐ พุธที่ 8 พ.ย. 2549 http://www.thairath.co.th)





ผู้บุกเบิกเวิลด์ไวด์เว็บทุกข์ใจ หวั่นลงเอยด้วยการป ล่อยข่าว

นักวิทยาศาสตร์อังกฤษผู้บุกเบิก เวิลด์ไวด์เว็บ สำหรับการเข้าหาและเข้าถึงอินเตอร์เน็ต เปิดใจกล่าวแสดงความเป็นทุกข์ว่า อาจจะมีผู้นำไปใช้ในการปล่อยข่าวลือ และสร้างพลังอำนาจอันไม่ใช่ ประชาธิปไตยขึ้น เซอร์ทิม เบอเนอร์สลี กล่าวให้สัมภาษณ์ สำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษว่า หากขืนปล่อยให้วิธีการใช้อินเตอร์เน็ตพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ โดยปราศจากการเหนี่ยวรั้งหรือยับยั้ง “อาจจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นได้” ดังนั้นจึงอยากจะตั้งโครงการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เว็บขึ้น เพื่อศึกษาอิทธิพลของเว็บที่กำลังเติบโตที่มีต่อสังคม เขาบอกว่า การเปลี่ยนแปลงที่รู้สึกกันอยู่ทุกวันนี้ เนื่องจากเว็บเพิ่งเป็นเพียงการตั้งต้นของการแปลงรูปของสังคมอย่างถึงรากยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่เขาเป็นทุกข์ถึงแบบของจุดจบของการถูกใช้ “หากเรายังไม่อาจเข้าใจเว็บ อย่างที่ปรากฏเป็นอยู่ทุกวันนี้ อาจจะต้องลงเอยในสิ่งซึ่งต่ำช้ามาก ปีศาจของความไม่เป็นประชาธิปไตยบางอย่างจะปรากฏตัวขึ้น และเริ่มใช้ปล่อยข่าวลือไปตลอดทั่วทั้งเว็บ”. (ไทยรัฐ พุธที่ 8 พ.ย. 2549 http://www.thairath.co.th)





‘เครื่องนวดภูมิปัญญาชาวบ้าน’

โครงงานนวัตกรรมที่ได้รับรางวัลจากการประกวดในโครงการ “เดลินิวส์-SCG ประกวดเจ้าความคิด” ซึ่งทางหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ร่วมกับเครือซิเมนต์ไทยร่วมกันจัดขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้น้อง ๆ เยาวชนส่งโครงงานนวัตกรรมในหัวข้อต่าง ๆ เข้าประกวดชิงเงินรางวัลทุนการศึกษารวม 2 ล้านบาท โดยนวัตกรรมที่จะนำเสนอชื่อว่า “เครื่องนวดภูมิปัญญาชาวบ้าน” ผลงานของ น.ส.ณัชชา ทิพฉากฉลัก นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนสายปัญญารังสิต จ.ปทุมธานี ซึ่ง ได้รับรางวัลชมเชยในหัวข้อ “นวัตกรรมอุปกรณ์เพื่อสุขภาพ” สำหรับวิธีการ ประดิษฐ์นั้นก็ไม่ยุ่งยาก ให้นำกะลามะพร้าวทั้งลูกมาทำความสะอาด และเจาะรูที่หัวและท้ายของลูกมะพร้าว จากนั้นใช้แกนเหล็กเป็นแกนกลางเสียบตามรูที่เจาะไว้โดยให้แต่ละแถวมีกะลาที่ขนาดเท่า ๆ กันทุกลูก หลังจากนั้นก็นำกะลามะพร้าวแต่ละแถวมาเรียงกัน โดยให้แถวที่มีกะลาลูกขนาดเล็กอยู่ด้านนอก และแถวที่มีกะลาลูกใหญ่อยู่ด้านใน โดยเรียงทั้งหมด 3 แถว เสร็จแล้วก็นำกะลาที่เป็นแถว ๆ มายึดต่อกับโครงเหล็ก โดยให้กะลาเคลื่อนที่ได้บ้างเล็กน้อย ส่วนวิธีการใช้เครื่องนวดภูมิปัญญาชาวบ้านนั้นก็ใช้เท้าเหยียบไปบนกะลามะพร้าว โดยใช้อุ้งเท้า และปลายเท้า ค่อย ๆ สัมผัสบนกะลา นอกจากนี้ยังสามารถใช้สมุนไพรที่ทำจากเมลทอล การบูร และน้ำมันงา มาเป็นส่วนประกอบของการนวดได้ด้วย ด้านคณะกรรมการตัดสิน ดร.บุญมาก ศิริเนาวกุล ผู้ช่วยอธิการบดี ฝ่ายเทคโนโลยี มหาวิทยา ลัยรังสิต กล่าวถึงโครงงานนี้ว่า การใช้ลูกมะพร้าวมาเป็นอุปกรณ์นวดคนโบราณใช้มานานแล้ว ถือเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน ซึ่งคนคิดรู้จักนำมาปรับใช้และเครื่องนวดแบบนี้คนโบราณจะชอบ แต่ก็มีข้อสังเกตว่าการใช้ลูกมะพร้าวเป็นลูกโดยไม่ผ่าครึ่งเวลาคนน้ำหนักมากขึ้นไปอาจทำให้มีโอกาสแตกได้ (เดลินิวส์ พุธที่ 8 พ.ย. 2549 http://www.dailynews.co.th)





เนคเทคจัดสัมมนากระตุ้นโอเพ่นซอร์ส

ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติหรือเนคเทค สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดสัมมนา “สรุปผลการดำเนินโครงการส่งเสริมการใช้ Linux SIS เพื่อพัฒนาธุรกิจ” เน้นนำเสนอผลงานและความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากโครงการพัฒนาซอฟต์แวร์ Linux Server ซึ่งเป็นการสนับสนุนจากเนคเทคให้เกิดความร่วมมือระหว่างผู้ให้บริการดูแลรักษา (SI) และกลุ่มบริษัทที่สนใจเพื่อการทดสอบการใช้งานจริง (SMEs) ทั้งนี้การสัมมนาจะมุ่งเน้นนำเสนอความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากโครงการดังกล่าวเพื่อเผยแพร่สู่กลุ่มเป้าหมาย ทั้งหน่วยงานภาครัฐ, เอกชน, สถาบันการศึกษาทั่วประเทศ และกลุ่มผู้ให้บริการด้านคอมพิวเตอร์ ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ ซึ่งจะช่วยพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพทางด้านระบบไอที รวมถึงช่วยประหยัดงบประมาณของประเทศไทยอีกด้วย งาน “สรุปผลการดำเนินโครงการส่งเสริมการใช้ Linux SIS เพื่อพัฒนาธุรกิจ” กำหนดจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 9 พฤศจิกายน 2549 เวลา 08.30-16.30 น. ณ ห้องอโนมา แกรนด์ บอลรูม โรงแรมอโนมา ถนนราชดำริ สำรองที่นั่งเพื่อเข้าร่วมการสัมมนาได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ Call Center โทร. 0-2264-9565 (เดลินิวส์ พุธที่ 8 พ.ย. 2549 http://www.dailynews.co.th)





ธนาคารอัจฉริยะบนซอฟต์แวร์ไมโครซอฟท์

ธนาคารที่ต้องการสร้างความแตกต่างจึงต้องการซอฟต์แวร์ตัวกลาง เพื่อเชื่อมฐานข้อมูลลูกค้าที่กระจายตัวตามระบบต่าง ๆ ให้สามารถประมวลผลได้ง่ายขึ้น ทำธุรกรรมได้ง่ายขึ้น เพื่อให้ธนาคารใช้ประโยชน์จากข้อมูลของลูกค้าได้มากที่สุด Multi Channel Banking คือ การเพิ่มช่องทางเพื่อบริการลูกค้าของธนาคาร เพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นธนาคารอัจฉริยะนั่นเอง มร.แอนดรูว์ แม็คบีน กรรมการผู้จัดการบริษัทไมโคร ซอฟท์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า นับวันจำนวนผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่ออนไลน์อินเทอร์เน็ตทั่วโลกมีจำนวนเพิ่มเป็นทวีคูณทั้งเทคโนโลยีของธนาคารจะช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงบริการต่าง ๆ ด้านการเงินได้ดียิ่งขึ้น โซลูชั่นที่ไมโครซอฟท์นำมาสนับสนุนระบบหลักของธนาคาร เรียกว่า Microsoft Customer Care Framework หรือ CCF โซลูชั่น CCF ประกอบด้วยโมดูลสำหรับเชื่อมโยงช่องทางต่าง ๆ กับแอพพลิเคชั่นทางธุรกิจ โดยใช้ .NET Web Service โมดูลในส่วนที่ติดต่อกับช่องทางหรือ Channel แบ่งเป็น 3 ส่วนคือ Self Service Portal หมายถึงช่องทางที่ลูกค้าสามารถบริการตนเองได้ Speech Portal/IVR หมายถึงช่องทางการสื่อสารด้วยเสียง และอินเตอร์แอ๊คทีฟกับลูกค้า Agent Desktop เป็นส่วนของหน้าจอที่จะรวบรวมข้อมูลจากระบบต่าง ๆ มาแสดงผลให้กับพนักงานที่ประจำอยู่เคาน์เตอร์บริการในสำนักงานเพื่อพร้อมให้บริการลูกค้าทุกด้าน CCF ยังสามารถผสมผสานเข้ากับช่องทางการสื่อสารอื่น เช่น อีเมล์ คอลเซ็นเตอร์ และบริการส่งข้อความให้ลูกค้า นายธงชัย อานันโทไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารสินเอเชีย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สินเอเชียจะไม่ขยายสาขาเป็นจำนวนมาก ๆ เพราะต้องลงทุนไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท และยังใช้เวลา จึงใช้เทคโน โลยีเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้เข้าถึงบริการต่าง ๆ ของธนาคาร หลังจากศึกษาข้อมูลจากหลาย ๆ แห่ง จึงตัดสินใจเลือกไมโครซอฟท์เป็นพาร์ตเนอร์มาพัฒนาแนวคิดดังกล่าวให้เป็นจริง เพราะจากประสบการณ์และขีดความสามารถของซอฟต์แวร์ ซึ่งไมโครซอฟท์ก็แนะนำให้ใช้ระบบมัลติชาแนลเต็มรูปแบบ ธนาคารสินเอเชียจะเริ่มใช้มัลติชาแนล บนโซลูชั่น CCF ตั้งแต่ปีหน้า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาเข้าสู่ระยะที่ 2 จากทั้งหมด 4 ระยะ เมื่อเสร็จสมบูรณ์แล้วก็จะเป็นการปรับระบบการบริการสินเชื่อครบวงจร พัฒนาประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานให้บริการลูกค้าได้รวดเร็วและแม่นยำลดขั้นตอนต่าง ๆ มีระบบเก็บฐานข้อมูลเพื่อศึกษาความต้องการของลูกค้า และเพื่อให้เกิดความมั่นใจมากยิ่งขึ้น คณะผู้บริหารของไมโคร ซอฟท์และธนาคารสินเอเชียทั้งหมดจึงเดินทางไปดูความสำเร็จของธนาคารคอมมอนเวลล์ ในซิดนีย์ ออสเตรเลีย ช่องทางการติดต่อกับธนาคารของลูกค้า นอกจากช่องทางปกติที่สำนักงานแล้ว ยังสามารถทำธุรกรรมผ่านทางอีเมล์ โทรศัพท์มือถือ พีดีเอ ที่รองรับอินเทอร์เน็ตไร้สาย ลูกค้าอาจแจ้งความต้องการมาก่อนล่วงหน้า เมื่อมาถึงธนาคารก็ดำเนินการต่อได้ทันทีเช่นกัน (เดลินิวส์ พุธที่ 8 พ.ย. 2549 http://www.dailynews.co.th)





พลิกตำรับยายุคใหม่ใช้ "จีโนม" เป็นตัวตั้ง ลดผลกระทบข้างเคียงคนไข้

คณะกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ สาขาวิทยาศาสตร์เคมีและเภสัช สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้จัดการประชุมวิชาการด้านเคมีและเภสัชขึ้น ระหว่างวันที่ 3-5 พ.ย. ณ โรงแรมจอมเทียน ปาล์ม บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยไฮไลต์สำคัญของงาน คือ การปาฐกถาพิเศษโดย ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตยาต้านโรคมาลาเรีย และ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) ในหัวข้อ "การค้นพบยาใหม่" (Drug Discovery) ศ.ดร.ยงยุทธ บรรยายว่า การพัฒนายาในยุคจีโนมิกส์และหลังยุคจีโนมิกส์ เป็นยุคที่นักวิจัยได้รู้จักกับแผนที่พันธุกรรมหรือจีโนมของมนุษย์ เชื้อโรค และพาหะต่างๆ ของโรคได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยนักวิจัยสามารถใช้ส่วนของจีโนมเป็นตัวตรวจโรค (molecular markers) จากความผิดปกติของยีน จากการติดเชื้อ หรือใช้ในการตรวจเชื้อโรคสายพันธุ์ที่ดื้อยาได้ ทั้งนี้ ตามหลักการของการพัฒนายาแล้ว เมื่อนักวิจัยรู้จักยีนและหน้าที่ของมัน ก็จะสามารถใช้เป็นเป้าหมายของยาได้เช่นกัน อาทิ ยีนของคนไข้ที่เปลี่ยนแปลงไป ยาทำให้กลับทำงานได้ดังเดิม กระตุ้นและควบคุมการทำงานของร่างกาย หรือเข้าไปยับยั้งการทำงานของเชื้อโรค ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนายาในที่สุด การพัฒนายายุคใหม่ในปัจจุบันและอนาคต จึงจะมุ่งเป้าหมายไปที่ระดับโมเลกุล ยีน และเนื้อเยื่อ เป็นตัวตั้ง เพื่อให้นักวิจัยได้รู้จักและเข้าใจกลไกการทำงานของมัน แล้วมุ่งแก้ไขโรคที่จุดนั้นเป็นการเฉพาะ แต่นักวิจัยก็ยังรู้จักกับการผลิตยาด้วยกระบวนทัศน์นี้มาไม่นานนัก เมื่อเทียบกับจำนวนยีนในร่างกายมนุษย์ แบคทีเรีย หรือเชื้อโรคก่อโรคต่างๆ ที่มีอยู่ (ผู้จัดการ พุธที่ 8 พ.ย. 2549 http://www.manager.co.th)





นกพิราบกับลิงมีความจำเป็นเลิศ เป็นความจำ ประเภทระยะยาว

นักวิทยาศาสตร์โจเอล ฟาโกต์ แห่งศูนย์วิจัยแห่งชาติฝรั่งเศส และโรเบิร์ต คุ้ก แห่งมหาวิทยาลัยทัฟฟส์ของสหรัฐฯ ได้ร่วมกันนำสัตว์ทั้งสองชนิดมาเข้าทดสอบแบบใหม่ ด้วยการให้มันนึกรำลึกถึงภาพที่เคยเห็นมาก่อนแล้ว โดยจับให้มันนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ แล้วแสดงภาพต่างๆให้มันดู โดยสอนให้นกใช้ปากจิก และลิงโยกคัน เพื่อให้เครื่องหมายกากบาทหรือวงกลมปรากฏขึ้น แสดงว่ามันเคยเห็นภาพมาก่อนหรือไม่ จากการทดสอบใช้เวลากว่า 5 ปี ปรากฏว่านกจำภาพได้ 800 ภาพ ในจำนวนทั้งหมด 1,200 ภาพ ส่วนลิงยังจำได้มากกว่านก ระหว่าง 800-1,200 ภาพ แต่สัตว์ทั้งคู่ต่างก็มีอัตราของการลืมเลือนไล่ๆกัน“เราอาจจะอนุมานได้ว่า ลิงทโมนยังมีความสามารถมากกว่านั้น แต่ทั้งคู่ก็ทำได้ถูกต้องถึง 80%" (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 10 พ.ย. 2549 http://www.thairath.co.th)





รมว.วิทย์ขานรับแผน10 เพิ่มนักวิจัยขึ้นเท่าตัว หนุนเอกชนทำ R&D

ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาวงการวิจัยไทย เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 ที่จะมีการประกาศใช้ในเร็ววันนี้ว่า มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างชัดเจนรวมอยู่ด้วย ประเด็นที่สำคัญคือ เรื่องการผลักดันการผลิตนักวิจัยไทยให้มีปริมาณมากขึ้นกว่าปัจจุบัน คือ ให้มีอัตราส่วนของนักวิจัย 1 คน ต่อประชากรทุกๆ 10,000 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าอัตราส่วนนักวิจัยไทยขณะนี้นับเท่าตัว จึงถือเป็นเรื่องที่ต้องจริงจังและต้องเร่งดำเนินการโดยเร็ว ซึ่งกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ และทบวงมหาวิทยาลัย ถือเป็นหน่วยงานหลักที่มีส่วนสำคัญในการผลิตนักวิจัยอย่างมาก ขณะที่เรื่องของการเพิ่มเงินงบประมาณเพื่อใช้ในการวิจัยพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของไทยที่แต่เดิมมีปริมาณเพียง 0.26% เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งถือว่ามีปริมาณน้อยมากและได้มีการผลักดันกันเรื่อยมา ศ.ดร.ยงยุทธ เผยว่า จะพยายามผลักดันให้มีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้น แต่จะต้องดูงานที่จะทำควบคู่กันไปเป็นหลัก โดยเฉพาะในเวลานี้ที่คงจะไม่ได้เป็นเพียงการมุ่งพัฒนาแต่เทคโนโลยีไฮเทคอย่างเดียวเท่านั้น แต่จะต้องมุ่งไปยังการพัฒนาที่ครอบคลุมแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงด้วย ทั้งนี้ แนวทางหนึ่งที่ต้องมีการผลักดันคือ การส่งเสริมให้ภาคเอกชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการวิจัยพัฒนามากขึ้นเหมือนในประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งภาคเอกชนจะเป็นแกนหลักในการวิจัยพัฒนา คือ มีอัตราส่วนการวิจัยพัฒนาประมาณ 60 % ของการวิจัยพัฒนาทั้งหมดของประเทศ เพื่อให้เกิดการพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์อันเป็นส่วนปลายสุดของการพัฒนาเทคโนโลยีโดยภาคเอกชนเอง ส่วนอีก 40% จะเป็นการวิจัยพัฒนาจากภาครัฐเพื่อทำการวิจัยขั้นพื้นฐาน ซึ่งภาคเอกชนในบางประเทศได้มีการทุ่มเงินงบประมาณไปกับการวิจัยพัฒนามากถึง 70% ของการวิจัยพัฒนาทั้งหมดภายในประเทศ เช่น เกาหลี และญี่ปุ่น ขณะที่เมื่อมองกลับมายังประเทศไทยแล้ว พบว่า มีอัตราส่วนการวิจัยพัฒนาโดยภาคเอกชนอยู่เพียงระดับหนึ่ง คือประมาณ 30-40% ของการวิจัยพัฒนาทั้งหมดของประเทศ ซึ่งควรจะต้องผลักดันให้ได้อย่างน้อยที่สุด 50% จึงจะเพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งภาครัฐต้องเข้าไปมีส่วนในเรื่องนี้อย่างมาก (ผู้จัดการ ศุกร์ที่ 10 พ.ย. 2549 http://www.manager.co.th)





ข่าววิจัย/พัฒนา


หุ่นยนต์ติดแขนกลถอนวัชพืชใช้กล้องสอดส่องติดหัวฉีดยาฆ่าหญ้าถึงราก

ฮองยังจุน นักศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ สหรัฐ กับเพื่อนร่วมทีม เล็งเห็นปัญหาของสารเคมีตกค้างจากใช้ยาฆ่าหญ้าที่เกษตรกรใช้กันอย่างแพร่หลายและฟุ้งกระจายไปในอากาศ หรือหากฝนตกสารเคมีก็จะไหลไปกับน้ำฝนลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ หรือน้ำบาดาล เมื่อหายใจ หรือกินเข้าไปสะสมในปริมาณมากจะเป็นอันตราย ทีมงานจึงคิดสร้างหุ่นยนต์เพื่อทำหน้าที่ถอนหญ้าแทนการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช หุ่นยนต์ดังกล่าวมีชื่อว่า "แอกบอต" มีขนาดยาว 1.5 เมตร กว้าง 70 เซนติเมตร ติดตั้งกล้องวิดีโอพร้อมกับซอฟต์แวร์ระบบจดจำภาพเพื่อค้นหาวัชพืช แล้วใช้แขนกลที่อยู่ด้านหน้าตัดวัชพืชทิ้ง พร้อมกับฉีดยากำจัดวัชพืชในปริมาณที่เหมาะสมไปที่รากวัชพืช ช่วยลดการใช้สารเคมีและลดการปนเปื้อนสู่ธรรมชาติแวดล้อม แผงโซลาร์เซลล์ทรงโค้งที่ติดตั้งอยู่ส่วนบน ทำหน้าที่เก็บแสงอาทิตย์ป้อนเข้าแบตเตอรี่จ่ายไฟฟ้าให้แก่กล้องวิดีโอขนาดเล็ก 2 ตัว ระบบเซ็นเซอร์ และระบบแสดงตำแหน่งด้วยดาวเทียม หรือจีพีเอส รวมไปถึงล้อมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำให้หุ่นยนต์วิ่งได้ราว 5 กม.ต่อ 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ แผงโซลาร์เซลล์ยังทำหน้าที่ฝาครอบเครื่องยนต์ให้แยกจากอุปกรณ์อื่น และบังแสงแดดให้ระบบจดจำภาพด้วย ระบบดังกล่าวแม้จะอยู่ในขั้นแรกของการพัฒนา แต่ก็วางเป้าหมายให้เป็นการออกแบบเพื่อจดจำรูปร่างลักษณะและโครงสร้างของพืช สามารถแยกแยะต้นข้าวโพดออกจากวัชพืชได้ รวมถึงจำเวลาที่ไปถึงต้นสุดท้ายของแถวและหมุนกลับไปเริ่มแถวใหม่ได้ ปัจจุบัน หุ่นยนต์ยังต้องมีคนควบคุม แต่ในอนาคตจะสามารถทำงานได้อัตโนมัติ รวมไปถึงการเชื่อมต่อไร้สายระหว่างหุ่นยนต์และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค โดยเกษตรกรสามารถควบคุมหุ่นยนต์จากที่บ้านได้อีกด้วย (คมชัดลึก จันทร์ที่ 6 พ.ย. 2549 http://www.kokchadluek.net)





พบสารสกัดจากเห็ดต้านทานมะเร็งตับลดผลข้างเคียงเคมีบำบัดยื้อชีวิตผู้ป่วย

น.พ.สุพล มโนรมณ์ รองผู้อำนวยการบริหาร สถาบันมะเร็งแห่งชาติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งบำบัดนำสารสกัดโปรทีโอไกลแคนที่มีอยู่ในเห็ดบางชนิดมาศึกษาวิจัยผู้ป่วยมะเร็งตับระยะสุดท้าย จำนวน 44 คน โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่รับประทานสารสกัดจากเห็ดวันละ 6 กรัม จำนวน 34 คน และกลุ่มที่รักษาปกติ หรือที่เรียกว่า รักษาแบบประคับประคอง 10 คน นอกจากนี้ ยังมีการตรวจหาปริมาณสารที่ใช้เป็นตัววัดภูมิต้านทานในร่างกาย พร้อมทั้งมีการประเมินคุณภาพชีวิตผู้ป่วยในเดือนที่ 1 เดือนที่ 3 และเดือนที่ 6 อีกด้วย ผลการวิจัย พบว่า ผู้ป่วยที่รับการรักษาแบบประคับประคองเสียชีวิตทั้งหมดในเวลาเฉลี่ย 3.5 เดือน ในขณะที่กลุ่มที่รับการรักษาด้วยการรับประทานสารสกัดจากเห็ดยังมีชีวิตอยู่สูงถึง 73% ทั้งยังมีผลการตรวจพบว่า ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีประสิทธิภาพสูงขึ้น สารสกัดจากเห็ดนี้ ยังช่วยลดผลข้างเคียงของการรักษาด้วยเคมีบำบัด ที่ทำให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งหลายต่อหลายรายทนการรักษาไม่ไหว แต่การใช้สารสกัดนี้ควบคู่ไปจะทำให้ผู้ป่วยสามารถทำเคมีบำบัดได้ต่อเนื่อง รับประทานอาหารได้มากขึ้น ทำให้มีอายุยืนกว่าเดิม มะเร็งตับในประเทศไทยเกิดในกลุ่มผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และมักเป็นชายวัยกลางคนที่อายุ 40 ปีขึ้นไป มีสาเหตุมาจากการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ และการรับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ และจากสถิติพบว่า โรคมะเร็งตับเป็นโรคมะเร็งที่ชายไทยเป็นมากที่สุดถึง 37.6% ในขณะที่หญิงไทยเป็นมากเป็นอันดับ 3 ที่ 16% โรคมะเร็งตับนี้ ในระยะแรกๆ จะไม่แสดงอาการบ่งบอก จนถึงระยะสุดท้ายจึงจะเริ่มมีอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย ตัวบวม ซึ่งต้องไปพบแพทย์และรับการตรวจอัลตราซาวนด์ หรือทำทีซีสแกน ทำให้กว่าที่จะรู้ตัวก็ต้องกลายเป็นผู้ป่วยมะเร็งตับในระยะสุดท้ายแล้ว (คมชัดลึก จันทร์ที่ 6 พ.ย. 2549 http://www.kokchadluek.net)





ทำเครื่องปราบเหาปลอดเคมี กำจัดได้ทั้งตัวและไข่ เกลี้ยง

วารสาร “กุมารเวชศาสตร์” ของอเมริการายงานว่า ขณะนี้ได้มีบริษัทรับไปผลิตออกจำหน่ายแล้ว เชื่อว่าจะออกสู่ตลาดได้ภายในเวลา 2 ปีนี้ หมอเดล เคลตัน ผู้ร่วมประดิษฐ์ อธิบายว่า อุปกรณ์ปราบเหาโดยทำให้ไข่ฝ่อและตัวเหาแห้ง ไม่ได้ใช้การอบหรือย่าง และบอกห้ามพ่อแม่ผู้ปกครองเด็กไว้ก่อนว่า อย่าด่วนไปเอาเครื่องเป่าผมมาใช้ แทนเสียก่อน “เราไม่ อยากให้เด็กต้องหัวพอง เพราะพ่อแม่คิดว่าเราใช้ความร้อน” เด็กทั่วไปมักจะพากันเป็นเหา โดยเฉพาะในหมู่เด็กนักเรียนชั้นประถม เหาแต่ละตัวจะวางไข่ได้หลายสิบฟองถึงวันละ 3 หน แม้ตัวมันเองไม่อาจจะบินหรือกระโดดได้ แต่ก็สามารถติดต่อได้ในทันทีชั่วแต่ เพียงศีรษะติดกันเท่านั้น นอกจากนั้น ยังอาจติดจากที่นอนหรือเครื่องเรือนที่มีตัวเหาเกาะอยู่ได้ ปัจจุบันนี้แม้จะมีแชมพูกำจัดเหาขึ้นแล้ว แต่พอนานๆไปตัวเหาก็มักจะทนยาได้ ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำว่าควรจะสางผมบ่อยๆ แม้ว่าวิธีนี้จะไม่อาจป้องกันติดเหาอีกก็ตาม. (ไทยรัฐ พุธที่ 8 พ.ย. 2549 http://www.thairath.co.th)





หุ่นยนต์นาโนส่งตรวจอวัยวะภายใน

รศ.ดร.สุพล อนันตา สุพล และ ผศ.ดร.รัตติกร ยิ้มนิรัญ นักวิจัยจากภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สนใจพัฒนาหุ่นยนต์จิ๋วโดยศึกษาพบเซรามิคชนิดพิเศษจากสารพิโซเซรามิค ซึ่งอยู่ในกลุ่มเซรามิคชั้นสูง และมีคุณสมบัติตามที่ต้องการ เมื่อเซรามิคชนิดนี้ได้รับการกระตุ้นด้วยสนามไฟฟ้าพบการตอบสนอง โดยเซรามิคมีการยืดหดตัวในระดับนาโนเมตร หรือเมื่อถูกกระตุ้นด้วยแรงกล เซรามิคจะจดจำแรงกระตุ้นและส่งแรงตอบสนองออกมาให้เห็น ซึ่งลักษณะดังกล่าวเรียกได้ว่าเป็น เซรามิคฉลาด? ภายหลังจากค้นพบเซรามิคชนิดพิเศษดังกล่าวแล้วทำให้ทีมวิจัย ซึ่งได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) มั่นใจว่าจะสามารถพัฒนาหุ่นยนต์จิ๋วจากวัสดุดังกล่าวได้ โดยประดิษฐ์เป็นมอเตอร์ควบคุมการขับเคลื่อนของหุ่นยนต์ในระดับนาโน ซึ่งช่วยให้หุ่นยนต์สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยตัวเอง และส่งข้อมูลผ่านสายเคเบิลหรือคลื่นความถี่สูงเพื่อแสดงผลภาพและการรักษามายังจอมอนิเตอร์ภายนอก ในส่วนของการควบคุมหรือบังคับหุ่นยนต์ให้เคลื่อนที่ไปยังทิศทางที่ต้องการนั้น สามารถทำได้โดยอาศัยกระแสไฟฟ้ากระตุ้น หรือสัญญาณไมโครเวฟจากภายนอก ซึ่งนอกจากหุ่นยนต์จะเคลื่อนที่ไปยังบริเวณตรวจวินิจฉัยอวัยวะที่ผิดปกติภายในร่างกายแล้ว ยังสามารถบอกตำแหน่งเนื้อร้ายที่เกิดขึ้นได้ด้วย (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 9 พ.ย. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





ปัญญาประดิษฐ์จ้อได้ไม่ผิดมนุษย์

รอลโล คาร์เพนเตอร์ นักธุรกิจชาวอังกฤษได้คิดค้นระบบปัญญาประดิษฐ์ ชื่อว่า "โจแอน" และส่งเข้าแข่งขันโครงการคอมพิวเตอร์คิดเหมือนมนุษย์ ซึ่งจะต้องผ่านการทดสอบสำคัญ ที่เรียกว่า "การทดสอบทัวริง" เพื่อดูว่า คอมพิวเตอร์สามารถสนทนาตอบโต้เรื่องยากๆ ได้หรือไม่ การแข่งขันพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยฮิวจ์ โลปเนอร์ นักการกุศลชาวนิวยอร์ก ตั้งเงินรางวัลสำหรับผู้ชนะไว้ 1 แสนดอลลาร์ สำหรับโปรแกรมแรกที่สามารถหลอกให้คณะกรรมการคิดว่าเขาคุยกับคนจริงๆ อยู่ ตลอด 16 ปีที่ผ่านมา ปรากฏว่ายังไม่มีใครที่สามารถผ่านการทดสอบและคว้ารางวัลก้อนนี้ไป ในการทดสอบครั้งล่าสุดที่จัดขึ้นในมหาวิทยาลัยลอนดอน คณะกรรมการได้ "แชท" กับ "โจแอน" โดยพิมพ์ข้อความสนทนาตามปกติเหมือนแชทกับเพื่อนฝูงผ่านอินเทอร์เน็ต กับโปรแกรมที่เข้าประกวดทั้งหมด ก่อนที่จะลงความเห็นว่า "โจแอน" คือผู้ชนะ เป็นสมองกลที่เหมือนมนุษย์ที่สุด สำหรับเทคโนโลยีเบื้องหลังความสำเร็จนี้ มีชื่อว่า "แจบเบอร์แวคกี" ที่ออกแบบมาให้สั่งสมประสบการณ์จากที่บทสนทนาที่เคยโต้ตอบกับมนุษย์ และเก็บไว้ในคลังสำหรับดึงมาใช้สนทนาครั้งต่อไป ผู้สนใจสามารถทดลองเข้าไปแชทกับปัญญาประดิษฐ์ได้ที่ www.jabberwacky.com ขณะที่อนาคตอีกหลายปี หุ่นยนต์เหล่านี้จะนำไปใช้บริการแทนพนักงาน (กรุงเทพธุรกิจ พฤหัสบดีที่ 9 พ.ย. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





อุปกรณ์แปลภาษาพูดรุ่นใหม่ใช้เทคนิคอ่านปากไม่ต้องเอ่ยคำ

หอคอยแห่งบาเบล หรือ "ทาวเวอร์ ออฟ บาเบล" เป็นอุปกรณ์แปลภาษารุ่น 2 ที่นักวิทยาศาสตร์อเมริกาพัฒนาให้สามารถแปลภาษาได้โดยไม่ต้องใช้เสียง เครื่องสามารถอ่านปากคนพูดในภาษาของตนเอง ก่อนที่เครื่องจะค้นหาคำที่มีลักษณะปากตรงกันและออกเสียงภาษาที่ต้องการแปลออกมาให้ แม้จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่เชื่อว่าคงใช้เวลาอีกไม่นาน ระบบแปลภาษาที่ใช้ในปัจจุบัน เป็นการใช้ซอฟต์แวร์จดจำเสียง ซึ่งทำให้ผู้ใช้ต้องพูดคำคำนั้นออกมาให้เสียงดังฟังชัดเพียงพอที่ระบบจะประมวลผลออกมาเป็นอีกภาษา โดยต้องใช้เวลาครู่หนึ่ง ทำให้ใช้โต้ตอบบทสนทนาได้ยาก แต่เครื่องรุ่นใหม่ที่พัฒนาโดยทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยคาร์เนกี เมลลอน ติดตั้งขั้วส่งสัญญาณไฟฟ้ากับลำคอและใบหน้าผู้พูด เพื่อตรวจการเคลื่อนไหวที่เกิดในการพูดคำหรือวลีต่างๆ โดยไม่ต้องออกเสียง จากนั้นแปลความจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้าและลิ้นออกมาเป็นคำพูด นักวิจัยในทีมกล่าวว่า การทำงานของอุปกรณ์ตัวนี้เหมือนกับการดูภาพยนตร์ที่พากย์เป็นภาษาอื่น ปัจจุบันทีมงานได้พัฒนาเครื่องต้นแบบ 2 เครื่อง เครื่องแรกใช้แปลภาษาจากจีนเป็นอังกฤษ เครื่องที่สองใช้แปลภาษาอังกฤษเป็นสเปนหรือเยอรมัน นักวิจัยกล่าวว่า หากเครื่องนี้ใช้งานกับฐานข้อมูลคำศัพท์ 100-200 คำ จะสามารถทำงานได้แม่นยำถึง 80% แต่หากเป็นคำศัพท์สมบูรณ์เช่นในพจนานุกรม โอกาสที่จะถูกต้องแม่นยำก็ลดลง นักวิจัยกล่าวถึงแนวคิดของเครื่องแปลภาษานี้ว่า แค่คุณขยับปากพูดเป็นภาษาอังกฤษ เครื่องก็จะส่งเสียงออกมาเป็นภาษาจีน หรือภาษาอื่นๆ แต่อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้ว จุดมุ่งหมายหลักคือ การเป็นสื่อกลางให้คนในชาติต่างๆ สามารถพูดคุยกันได้ (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 9 พ.ย. 2549 http://www.komchadleuk.net)





อังกฤษพิสดารผสมพันธุ์มนุษย์กับวัว

นักวิจัยอังกฤษได้ยื่นขออนุญาตจากสำนักงานว่าด้วยการให้กำเนิดมนุษย์และตัวอ่อนวิทยาเป็นเวลา 3 ปี เพื่อนำเอาดีเอ็นเอของมนุษย์ไปผสมกับไข่ของแม่วัวเพื่อให้ได้เซลล์ต้นกำเนิด หรือสเต็มเซลล์สำหรับวิจัย โดยยืนยันว่าจะไม่ปล่อยให้มีพัฒนาการเกินกว่า 6 วัน สเต็มเซลล์ เป็นเซลล์แรกเริ่มก่อนที่จะพัฒนาเป็นเซลล์ที่มีหน้าที่การทำงานเฉพาะ เช่น เซลล์เส้นเลือด เซลล์กล้ามเนื้อ เซลล์ประสาท เป็นต้น หลังจากปฏิสนธิได้เพียง 4-5 วัน เซลล์ต้นกำเนิดของตัวอ่อนจะแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว นักวิทยาศาสตร์พบว่าสามารถนำมาใช้แทนเซลล์ หรือเนื้อเยื่อในร่างกายที่เสื่อมสภาพ โดยคาดว่าจะสามารถใช้รักษาโรคบางอย่าง เช่น โรคหัวใจ โรคสมองเสื่อม และเบาหวานได้ เป็นต้น ทว่าการนำเซลล์จากตัวอ่อนมาใช้เท่ากับเป็นการทำลายชีวิตและละเมิดจริยธรรมอย่างรุนแรง นักวิทยาศาสตร์จึงเลี่ยงที่จะใช้ไข่ของผู้หญิงมาผสมกับเชื้อ หรือดีเอ็นเอของผู้ชาย ด้วยเหตุนี้ นักวิทยาศาสตร์จึงเลี่ยงมาใช้ไข่จากวัวแทน โดยหลังจากดูดเอานิวเคลียสซึ่งเป็นสารพันธุกรรมสำคัญของวัวออกไปแล้ว พวกเขาใช้คีมขนาดเล็กมากจับสารพันธุกรรม หรือดีเอ็นเอของมนุษย์ ใส่เข้าไปเพื่อปฏิสนธิรอให้เซลล์แบ่งตัวเป็นตัวอ่อนระยะแรกที่เต็มไปด้วยสเต็มเซลล์ เทคนิคดังกล่าวเคยใช้ประสบความสำเร็จมาแล้วกับการโคลนนิ่งแกะที่ชื่อ ดอลลี่ แต่ยังไม่เคยมีใครทดลองนำเอาดีเอ็นเอของมนุษย์ไปผสมกับไข่ของสัตว์ชนิดอื่นมาก่อน (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 9 พ.ย. 2549 http://www.komchadleuk.net)





เครื่องบินเก็บเสียงแก้ปัญหาหูแตกออกแบบใหม่หัวจดท้ายลดเสียงกัมปนาทขึ้นลง

เครื่องบินไอพ่นรุ่นใหม่นี้ เรียกว่า "ไอพ่นเก็บเสียง" สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 215 คน และคาดว่าจะเริ่มใช้งานได้ภายในปี 2573 หรืออีก 24 ปี เป็นผลงานคิดค้นโดยทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์แห่งอังกฤษ และสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์แห่งสหรัฐ 40 ชีวิต ที่ร่วมกันใช้เวลา 3 ปี พัฒนาเครื่องบินรุ่นใหม่ให้เสียงเบาลงเหลือพอๆ กับเสียงเครื่องซักผ้า หรือเสียงเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านทั่วไป ปัญหาเสียงดังเป็นอุปสรรคสำคัญทำให้ไม่สามารถขยายสนามบิน และเพิ่มเที่ยวบินได้ และเป็นปัญหาที่ถูกร้องเรียนมาก ถ้าสามารถพัฒนาเครื่องบินเก็บเสียงได้เท่ากับเป็นการพลิกโฉมหน้าอุตสาหกรรมการบิน เครื่องบินพาณิชย์ปัจจุบันมีลำตัวเป็นแท่งกระบอกยาวมีปีกกลางลำ แต่เครื่องบินไอพ่นเก็บเสียงออกแบบต่างไปคนละเรื่อง และดูคล้ายกับเครื่องบิน "ล่องหน" ที่กองทัพสหรัฐใช้งานสอดแนม ตอนท้ายของเครื่องไม่มีหางเสือสำหรับรักษาสมดุล แต่ออกแบบให้ปลายปีกสองข้างทำหน้าที่รักษาการทรงตัวแทน เครื่องบินไอพ่นเก็บเสียงที่ออกแบบไว้มีลำตัวยาว 98 เมตร ปีกยาว 44 เมตร เริ่มสยายตั้งแต่หัวเครื่องไปถึงหาง เทียบแล้วมีขนาดพอกับเครื่องโบอิ้ง 767 การออกแบบเครื่องบินในลักษณะดังกล่าวยังช่วยให้เครื่องบินยกตัวลอยอยู่ได้โดยใช้ความเร็วต่ำ ดังนั้นเวลาลงจอดเสียงจะเบาลง นอกจากนี้ เครื่องบินเก็บเสียงยังไม่ใช้ครีบปีกที่กระดกขึ้นลงเหมือนที่ใช้กับเครื่องบินโดยสารปัจจุบัน ซึ่งเป็นตัวการแผดเสียงลั่นทุ่ง สองมหาวิทยาลัยชั้นนำยังช่วยกันออกแบบระบบเครื่องยนต์ที่กินเชื้อเพลิงน้อยลง และเสียงเงียบขึ้น โดยแทนที่จะยัดเอาเครื่องยนต์ไอพ่นใส่ไว้ในกระบอกใต้ปีก แต่เครื่องบินเก็บเสียงจะมีเครื่องยนต์สามตัววางไว้กลางลำและหาง เครื่องยนต์เหล่านี้ดูดอากาศจากบนปีกเข้าเครื่องจึงช่วยเก็บเสียงเวลาเครื่องบินทะยานขึ้นจากลู่วิ่ง (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 9 พ.ย. 2549 http://www.komchadleuk.net)





มัธยมเชียงใหม่ให้หญ้าแฝกสยบปลวก

ด.ญ.อุบลรัตน์ โปธา นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนสะเมิงพิทยาคม จ.เชียงใหม่ และทีมงาน พบว่า บ้านที่ปลูกหญ้าแฝกไว้เพื่อป้องกันการพังทลายของดิน มักไม่พบปัญหาเกี่ยวกับปลวกเลย ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ศึกษาพบว่าน้ำมันของหญ้าแฝกสามารถใช้กำจัดปลวกได้ แต่กรรมวิธีในการสกัดน้ำมันค่อนข้างยุ่งยาก ใช้เวลานานและมีราคาแพง ซึ่งน้ำมันที่ได้ยังมีปริมาณน้อย ไม่คุ้มค่ากับการผลิต ดังนั้นทีมงานจึงได้ทดลองหาส่วนอื่นๆ ของหญ้าแฝกที่มีประสิทธิภาพตามที่ต้องการ การทดลองครั้งนี้เริ่มต้นจากการเปรียบเทียบน้ำที่สกัดได้จากส่วนต่างๆ ของหญ้าแฝก นำไปฉีดพ่นแทนสารเคมีทุกๆ 2 วัน ซึ่งพบว่า น้ำที่สกัดได้จากรากของหญ้าแฝก มีผลทำให้ปลวกตายร้อยเปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้สารเคมี นอกจากนี้สารสกัดจากส่วนลำต้น และใบ ยังมีผลทำให้ปลวกตายลดได้โดยมีอัตราการตายที่ลดหลั่นกันลงมา ทั้งนี้ กลุ่มได้ทดลองนำรากหญ้าแฝกไปผสมกับกระดาษและฝังลงดิน ตลอดจนนำสารสกัดที่ได้จากรากหญ้าแฝกไปผสมกับขี้เลื่อย และดิน อัดเป็นก้อน ฝังลงดินในบริเวณที่มีปลวกอยู่ ประมาณ 2 วัน เพื่อทดสอบผล พบไม่มีร่องรอยการทำลายของปลวกเกิดขึ้นเลย "ผลจากการศึกษาสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการกำจัดปลวกด้วยวิธีการที่ง่าย และชาวบ้านสามารถทำได้ โดยได้ทดลองสกัดสารจากรากอย่างง่ายเพื่อนำไปผสมกับกระดาษ หรือนำไปทำก้อนแฝกฝังดินไว้ในสถานที่ที่ไม่ต้องการให้ปลวกมารบกวน หรือนำไปทาบนวัสดุที่ไม่ต้องการให้ปลวกมาทำลาย ซึ่งผลการทดลองเป็นที่น่าพอใจ" (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 9 พ.ย. 2549 http://www.komchadleuk.net)





มัธยมเชียงใหม่ใช้หญ้าแฝกสยบปลวก

พบว่า บ้านที่ปลูกหญ้าแฝกไว้เพื่อป้องกันการพังทลายของดิน มักไม่พบปัญหาเกี่ยวกับปลวกเลย ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ศึกษาพบว่าน้ำมันของหญ้าแฝกสามารถใช้กำจัดปลวกได้ แต่กรรมวิธีในการสกัดน้ำมันค่อนข้างยุ่งยาก ใช้เวลานานและมีราคาแพง ซึ่งน้ำมันที่ได้ยังมีปริมาณน้อย ไม่คุ้มค่ากับการผลิต ดังนั้นทีมงานจึงได้ทดลองหาส่วนอื่นๆ ของหญ้าแฝกที่มีประสิทธิภาพตามที่ต้องการ การทดลองครั้งนี้เริ่มต้นจากการเปรียบเทียบน้ำที่สกัดได้จากส่วนต่างๆ ของหญ้าแฝก นำไปฉีดพ่นแทนสารเคมีทุกๆ 2 วัน ซึ่งพบว่า น้ำที่สกัดได้จากรากของหญ้าแฝก มีผลทำให้ปลวกตายร้อยเปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้สารเคมี นอกจากนี้สารสกัดจากส่วนลำต้น และใบ ยังมีผลทำให้ปลวกตายลดได้โดยมีอัตราการตายที่ลดหลั่นกันลงมา ทั้งนี้ กลุ่มได้ทดลองนำรากหญ้าแฝกไปผสมกับกระดาษและฝังลงดิน ตลอดจนนำสารสกัดที่ได้จากรากหญ้าแฝกไปผสมกับขี้เลื่อย และดิน อัดเป็นก้อน ฝังลงดินในบริเวณที่มีปลวกอยู่ ประมาณ 2 วัน เพื่อทดสอบผล พบไม่มีร่องรอยการทำลายของปลวกเกิดขึ้นเลย "ผลจากการศึกษาสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการกำจัดปลวกด้วยวิธีการที่ง่าย และชาวบ้านสามารถทำได้ โดยได้ทดลองสกัดสารจากรากอย่างง่ายเพื่อนำไปผสมกับกระดาษ หรือนำไปทำก้อนแฝกฝังดินไว้ในสถานที่ที่ไม่ต้องการให้ปลวกมารบกวน หรือนำไปทาบนวัสดุที่ไม่ต้องการให้ปลวกมาทำลาย ซึ่งผลการทดลองเป็นที่น่าพอใจ" (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 9 พ.ย. 2549 http://www.komchadleuk.net)





ข่าวทั่วไป


ไอซีทีฟันธง สมาร์ทการ์ดจบแน่! ธ.ค.นี้ ปิดฉากประมูลรวดเดียว 39 ล้านใบ

รศ.ดร.สิทธิชัย โภไคยอุดม รมว.กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ฟันธงแล้วว่าธันวาคมนี้ปัญหาเรื่องสมาร์ทการ์ดในทุก ๆ ด้านจบแน่ พร้อมได้รายชื่อบริษัทที่ชนะการประมูลซึ่งมีความโปร่งใสถูกใจทุกคน และขอพูดเรื่องนี้เป็นครั้งสุดท้าย!!! โดยสั่งรื้อขั้นตอนการทำงานตั้งแต่การร่างข้อกำหนดการประกวดราคา (ทีโออาร์) ใหม่ เชิญผู้เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนร่วมรับฟังทีโออาร์ และสามารถแสดงความคิดเห็นหรือโต้แย้งได้ พร้อมเผยแพร่ร่างทีโออาร์ทางเว็บไซต์ www. mict.go.th เป็นเวลา 10 วัน ให้ประชาชน คลิกอ่านได้อย่างเปิดเผย ตั้งเป้าได้ทีโออาร์ฉบับสมบูรณ์กลางเดือนพฤศจิกายนนี้ เรียกว่าทุกขั้นตอนการทำงานต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ ไร้ที่ติ สมศักดิ์ศรี การประมูลสมาร์ทการ์ดลอตใหญ่สุด 39 ล้านใบ มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท กำหนดราคากลางไว้ไม่เกินใบละ 50 บาท ปรับเปลี่ยนสเปกของบัตรเรื่องหน่วยความจำจาก 32 กิโลไบท์ เป็น 64 กิโลไบท์ เพื่อรองรับการเพิ่มเติมโปรแกรมหรือแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ในอนาคต เนื่องจากอายุการใช้งานของบัตรอย่างน้อย 5 ปี โดยมีระยะเวลาส่งมอบบัตร 270 วัน หรือ 1 ปีครึ่ง เริ่มจากเดือน พ.ค. ปี 2550 เป็นต้นไป (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 6 พ.ย. 2549 http://www.dailynews.co.th)





ซดแกงที่มีเครื่องปรุงจากขมิ้น ช่วยป้องกันโรคกระดูกข้ออักเสบ

การศึกษาในสหรัฐฯพบว่า การรับประทานแกงที่มีขมิ้นเป็นส่วน ประกอบ เช่น แกงกะหรี่ มีส่วนช่วยป้องกันโรคกระดูกข้ออักเสบ และโรคกระดูกได้ ทีมนักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐฯที่มหาวิทยาลัยอะริโซนา บอกว่า ขมิ้นซึ่งมักใช้เป็นส่วนผสมในการปรุงอาหารประเภทแกงเผ็ด หรือแกงสีเหลืองๆทั้งหลาย มีสรรพคุณช่วยบำบัดโรคได้ อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องมีการทดลองกันต่อไปก่อนที่จะนำมาใช้เพื่อประโยชน์ในทางการแพทย์ วงการแพทย์เอเชียใช้ขมิ้นในการรักษาโรคต่าง ๆ มานานหลายร้อยปีแล้ว เช่น อาการอักเสบ และพบว่าเคอร์คูมิน ซึ่งเป็นสารสกัดจากขมิ้น มีประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดโรคข้อต่ออักเสบในหนูทดลองได้ดี จึงคาดว่า สารสกัดจากขมิ้นจะช่วยรักษาอาการอักเสบ พอง หรือบวมของโรคอื่นๆได้ เช่น โรคหืด ลำไส้อักเสบ และโรคกระดูก. (ไทยรัฐ พุธที่ 8 พ.ย. 2549 http://www.thairath.co.th)





ดาวพุธผ่านหน้าดวงอาทิตย์รุ่งเช้านี้ ร้อยปีมีโอกาสเห็นได้น้อยครั้ง เตือนห้ามดูด้วยตาเปล่า

ปรากฏการณ์ดาวพุธเดินทางพาดผ่านดวงอาทิตย์เป็นปรากฏการณ์ที่หาดูได้ยากยิ่ง และในช่วงคริสตศตวรรษที่ 21 จะเกิดขึ้นเพียง 14 ครั้ง โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ก่อนหน้านี้ดาวศุกร์ ซึ่งเป็นดาวเคราะห์ลำดับที่ 2 ของระบบสุริยะ ได้เดินทางผ่านดวงอาทิตย์มาแล้วเมื่อเดือนมิถุนายน 2547 การเดินทางของดาวพุธผ่านดวงอาทิตย์ครั้งนี้ สามารถชมได้ในประเทศไทยเช่นกันในวันนี้ โดยจะเห็นชัดที่สุดในช่วงเช้าตรู่ ซึ่งดวงอาทิตย์เพิ่งพ้นขอบฟ้ามาไม่สูงนัก น.ท.ฐากูร เกิดแก้ว จากหอดูดาวเกิดแก้ว ได้จำลองภาพเหตุการณ์ดาวพุธผ่านหน้าดวงอาทิตย์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย พบว่า ดาวพุธจะโคจรผ่านหน้าดวงอาทิตย์ในช่วงเวลา 02.00-07.08 น. วันที่ 9 พฤศจิกายนนี้ แต่จะมองเห็นได้ก็ต่อเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น คือช่วงเวลา 06.16-07.08 น. ผู้ที่ต้องการเฝ้าดูปรากฏการณ์ดาวพุธผ่านหน้าดวงอาทิตย์ จะต้องระวังอันตรายต่อดวงตา เนื่องจากแสงอาทิตย์ค่อนข้างจ้า จึงจำเป็นต้องดูผ่านกล้องส่องทางไกล หรือกล้องดูดาวที่มีแผ่นกรองแสงเท่านั้น เพราะหากมองด้วยตาเปล่าในขณะที่แสงจ้าอาจทำให้ตาไหม้ หรือบอดได้ เนื่องจากดาวพุธเป็นดาวเคราะห์อันดับแรกของระบบสุริยะและอยู่ไกลจากโลกมาก จุดที่ปรากฏบนดวงอาทิตย์จึงเล็กมากและไม่สามารถสังเกตด้วยตาเปล่าผ่านแผ่นกรองแสงโดยตรง แต่สามารถใช้กล้องโทรทรรศน์ที่มีกำลังขยาย 30 เท่า มองดูดาวพุธซึ่งจะเห็นเป็นจุดมืดเล็กๆ บนดวงอาทิตย์ได้ นอกจากประเทศไทยแล้ว ปรากฏการณ์ครั้งนี้ยังสามารถมองเห็นได้ในบางพื้นที่ของโลก โดยเฉพาะแถบชายฝั่งอเมริกาเหนือ รวมถึงอลาสกาตอนกลางและตอนใต้ ฮาวาย นิวซีแลนด์ และภาคตะวันออกของออสเตรเลีย (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 9 พ.ย. 2549 http://www.komchadleuk.net)





เด็กไทยฉลาด

อินเทอร์เน็ตเป็นอีกแหล่งหนึ่งที่เยาวชนยุคใหม่เข้ามาคลิกค้นหาความรู้ และเรื่องราวที่น่าสนใจไม่แพ้ห้องสมุดตามโรงเรียนเหมือนแต่ก่อน ปัจจุบันโรงเรียนต่างๆ ได้รวมกลุ่มกันเพื่อสร้างเวบไซต์ฐานข้อมูลกลางที่เชื่อมโยงเนื้อหาความรู้จากโรงเรียนต่างๆ ให้เด็กได้อ่านและค้นหาเรื่องที่สนใจกันได้สะดวกมากขึ้น ไทยสมาร์ทคิดส์ เป็นอีกเวบไซต์ที่เกิดจากการรวมกลุ่มของโรงเรียนที่ต้องการใช้ทรัพยากรด้านเทคโนโลยีร่วมกัน โดยการเชื่อมต่อผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ที่เวบไซต์ www.thaismartkids.org ซึ่งเนื้อหาภายในเวบได้รวบรวมข้อมูลหลากหลายแบ่งตามช่วงชั้นเรียน อาทิ ห้องสำหรับเด็กอนุบาล ที่รวมเรื่องราวการดูแลตนเองอย่างง่ายๆ เช่น การปฐมพยาบาลเบื้องต้น และการสร้างสรรค์จินตนาการในอนาคต แต่ที่น้องเล็กชื่นชอบกันคงจะเป็นห้องเกมที่มีเกมสนุก และเกมลับสมองมาให้ฝึกวิทยายุทธ์กัน และยังช่วยสร้างเสริมวินัยให้น้องด้วย เช่น เกมเก็บขยะ หรือเกมฝึกฝนทักษะทางภาษาอย่างเกมอักษรที่หายไป ส่วนห้องสำหรับเด็กชั้นประถมเริ่มมีความรู้ในหมวดหมู่ต่างๆ ที่หลากหลายขึ้น อาทิ มุมหนอนหนังสือ และบันทึกนักเขียน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีห้องของพี่มัธยมที่รวบรวมความรู้เกี่ยวกับการดูแลตัวเองในช่วงวัยรุ่น เช่น เคล็ดลับเล็กน้อยดูแลตัวเองไม่ให้เป็นรังแค และการเลือกใช้น้ำหอมให้เหมาะกับตัวเอง รวมถึงการเตรียมตัวเข้าสู่มหาวิทยาลัย พร้อมทั้งข่าวสารที่น่าสนใจ สำหรับคุณครูและผู้ปกครองให้ได้เข้าไปหาความรู้ใหม่ๆ จากในเวบไซต์นี้ได้อีกด้วย (คมชัดลึก พฤหัสบดีที่ 9 พ.ย. 2549 http://www.komchadleuk.net)





เผยรายชื่อผู้ได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลปี 49

วันที่ 9 พ.ย. นายกิตติ วะสีนนท์ อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ศ.นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รองประธานมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลฯ ศ.นพ.สุพัฒน์ วาณิชย์การ เลขาธิการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลฯ และศ.นพ. วิจารณ์ พานิช ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาทางวิชาการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลฯ แถลงข่าวผลการตัดสินผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2549 โดยคณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลฯ ได้พิจารณาผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลฯ ประจำปี 2549 จำนวน 59 ราย จาก 29 ประเทศ คือ สาขาการแพทย์ ได้แก่ ศ.นพ.สแตนลีย์ จี ซูลท์ช มหาวิทยาลัยเทกซัส สหรัฐอเมริกา สาขาการสาธารณสุข นพ.เดวิด อาร์ นาลิน อดีต ผอ.ฝ่ายวิชาการแผนกวัคซีน บ.เมอร์ค แอนด์ โค อิงค์ สหรัฐอเมริกา นพ.ริชาร์ด เอ แคช อาจารย์อาวุโส มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา และนพ.ดิลิป มหาลานาบิส ผอ.สมาคมการศึกษาประยุกต์ ประเทศอินเดีย ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะเสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานรางวัล ในวันที่ 31 ม.ค. 2550 เวลา 17.30 น. ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และพระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ได้รับพระราชทานรางวัลในวันเดียวกันด้วย (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 10 พ.ย. 2549 http://www.thairath.co.th)





ร้องให้ช่วยรักษาเมืองเก่าสุโขทัย ให้พ้นอันตราย จากโลกร้อนขึ้น

นายทอม ดาวนิ่ง แห่งสถาบันสิ่งแวดล้อมที่กรุงสตอกโฮล์ม ได้เสนอรายงานภัยคุกคามแหล่งโบราณคดีตามริมฝั่งและขุมทรัพย์อื่นๆของโลก ต่อที่ประชุมเรื่องดินฟ้าอากาศของสหประชาชาติว่า “โลกของเรากำลังเปลี่ยนแปลง และไม่มีวันที่จะกลับคืนมาเป็นอย่างเก่า” เขากล่าวระบุว่า เมืองโบราณยุคสุโขทัย สมัยเมื่อ 600 ปีก่อน ทางภาคเหนือของไทยต้องเสียหายจากภัยน้ำท่วม อันเนื่องจากการเปลี่ยน แปลงของดินฟ้าอากาศ พร้อมกันนั้นแนวปะการังบีไลซ์ก็ต้องเปลี่ยนสี เนื่องจากอุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึ้น ทางอีกฟากหนึ่งระดับน้ำทะเลที่กำลังสูงขึ้น ได้ทำให้เกลือทะลักเข้าไปในเขตพื้นที่ชุ่มน้ำของวนอุทยานแห่งชาติโดนานาในสเปน เขายังได้บรรยายให้เห็นว่าความสำคัญของเมืองโบราณสุโขทัยว่า “สุโขทัยเป็นเมืองหลวงเก่าของไทย ชื่อสุโขทัยมีความหมายว่า “อรุณรุ่งแห่งความสุข” ยังมีซากของพระบรมมหาราชวัง วัด และประตูเมืองต่างๆ และอื่นๆหลงเหลืออยู่เป็นอันมาก ราชธานีเก่าของไทยแห่งนี้สร้างมาตั้ง พ.ศ.1781 (ไทยรัฐ ศุกร์ที่ 10 พ.ย. 2549 http://www.thairath.co.th)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215