หัวข้อข่าวปีที่ 7 ฉบับที่ 49 ประจำวันที่ 2006-12-04

ข่าวการศึกษา

สมศ.ประกาศชื่อรร.รอขึ้นเขียงรอบ 2
องคมนตรีเผยวิธีเรียนรู้ของ “ในหลวง”
จุฬาฯแจงออกนอกระบบ เพื่อเป็นเลิศทาง"วิชาการ"
4 องค์กรใหญ่ทุ่ม5.6ล. อุ้มพม่าเรียนภาษาไทย
2ม.รัฐยันออกนอกระบบดี คล่องตัวขึ้น-ไม่เกี่ยวขึ้นค่าเทอม
นิสิตจุฬาฯขู่หยุดเรียนค้านออกนอกระบบ
สพฐ.หนุนใช้ “โอเน็ต” เลื่อนชั้นหวังจูงใจนัก เรียน

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

สนามบินสหรัฐฯ เล็งสแกนผู้โดยสารแบบใหม่เห็นทุกส่วนเว้าส่วนโค้ง !!
รมว.วิทย์ “ปลื้ม” โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ช่วยลดก๊าซเรือนกระจก
อเมริกาชิงยึดดวงจันทร์ก่อนเพื่อน จัดตั้งฐานถาวรตรงขั้วดาวบริวาร
สถาบันเทคโนฯ นิวเคลียร์เล็งใช้ “ไซโคลตรอน” แก้ขัด “เครื่องปฏิกรณ์” ที่ยืดเยื้อ
สหรัฐพัฒนาเลเซอร์พิฆาตขีปนาวุธยิงลำแสงความร้อนทำลายจรวดก่อนถึงเป้าหมาย

ข่าววิจัย/พัฒนา

นักวิจัยไทยใช้ไอออนสร้างข้าวหอมดำนาโน
ระบบไบโอรีแอคเตอร์
มจธ.ใช้น้ำยาล้างแผลทำเซลล์เชื้อเพลิงแหล่งพลังงานอนาคตจ่ายไฟนานกว่าแบตเตอรี่หลายเท่า
ยางรถเก่ามีประโยชน์ทำเป็นไส้กรองน้ำ
มลพิษ-โลกร้อนชาวนาเกี่ยวข้าวน้อยลง
มช.วิจัยปลูกถ่ายกระดูกรักษาข้อเสื่อม
วิจัย"น้ำตาลลำไย"คู่แข่งน้ำตาลทราย

ข่าวทั่วไป

วิจัย "เบื้องหลังความสำเร็จ" ของแชมป์ห้องสมุดมีชีวิต
พิสูจน์ได้หอมกระเทียมเป็นคุณ ป้องกันโรคมะเร็งได้หลายชนิด
เด็กกรุงเทพฯ-ปริมณฑลครองแชมป์เล่นหวยบนดิน
เปิดตัวเวบคลังปัญญาไทยรวมความรู้ 8 พันเรื่อง
ปีนี้ขึ้นเป็นแชมป์เป็นปีที่ร้อนที่สุด น้ำแข็งขั้วโลกลดลงจนระดับต่ำสุด
“ในหลวง” ทรงแนะ ครม.ใช้ประสบการณ์เพื่อประโยชน์ชาติ-กำชับบริหารน้ำให้ดี
ยุงลายสายพันธุ์ใหม่กัดคนทั้งวัน-ทั้งคืน
ปี 50 กยศ.รับ 3.6 หมื่นล้าน ปรับกองทุนใหม่ปลอดหนี้ 4 ปีคิดดอก 1%





ข่าวการศึกษา


สมศ.ประกาศชื่อรร.รอขึ้นเขียงรอบ 2

ศ.ดร.สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ประชุมคณะกรรมการการบริหาร สมศ. ได้อนุมัติให้มีการประกาศรายชื่อสถานศึกษาที่จะได้รับการประเมินคุณภาพภายนอกรอบที่สอง ในปี 2552 เพื่อให้สถานศึกษาเหล่านั้นทราบล่วงหน้าและเตรียมตัวรองรับการประสานข้อมูลการประเมิน โดยจะทยอยประกาศรายชื่อสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ที่จะรับการประเมินผ่านเว็บไซต์ของ www.onesqa.or.th นอกจากนี้สำหรับการรับรองมาตรฐานการศึกษาที่มีการประเมินคุณภาพมาแล้วนั้น คณะกรรมการบริหาร สมศ. ขอให้มีการทำวิจัยเพื่อตรวจสอบคุณภาพก่อนที่จะส่งให้รับรองมาตรฐานอย่างเป็นทางการ เนื่องจากต้องการให้ทำการวิจัยเปรียบเทียบคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษาในสังกัด สพฐ.ระหว่างโรงเรียนในเมืองกับชนบทด้วย นอกจากนี้ สมศ.ยังได้เตรียมจัดพิมพ์บทสรุปสำหรับผู้บริหาร ถึงผลสะท้อนจากการประเมินคุณภาพภายนอกรอบแรก ระหว่าง พ.ศ. 2544-2548 เพื่อนำเสนอต่อรัฐบาล พร้อมให้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายการจัดการศึกษา โดยอ้างอิงจากผลการประเมินคุณภาพภายนอกด้วย ซึ่งจะเน้นเรื่องการบริหารจัดการอย่างมีคุณภาพสำหรับสถานศึกษา เพื่อให้โรงเรียนเกิดความสนใจและนำผลการประเมินไปใช้ในการพัฒนาการศึกษาอย่างจริงจังต่อไป (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 4 ธ.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)





องคมนตรีเผยวิธีเรียนรู้ของ “ในหลวง”

วันที่ 1 ธ.ค. มีงานเปิดตัวโครงการคลังปัญญาไทย และเว็บไซต์ www.PanyaThai.or.th โดยมี นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี เป็นประธานเปิดงาน พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง การเรียนรู้ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และการศึกษาของเด็กไทยว่า เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระเยาว์ พระองค์ได้ เรียนรู้จากระบบการศึกษาไทยเพียงเล็กน้อยที่ รร.มาแตร์เดอี หลังจากนั้นก็เสด็จฯไปศึกษาต่อในระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดมศึกษา ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเดิมพระองค์เคยคิดที่จะเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์ แต่เมื่อได้เป็นพระมหากษัตริย์ ก็ได้เปลี่ยนมาเรียนทางด้านรัฐศาสตร์และการปกครอง ซึ่งความรู้ในส่วนนี้ก็เป็นความรู้ในระบบที่พระองค์ได้นำมาใช้กับการเป็นพระมหากษัตริย์ แต่สิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระปรีชาสามารถในด้านต่างๆ ก็เพราะพระองค์ท่านได้ทรงศึกษาด้วยตัวเอง และเรียนรู้จากความรู้นอกระบบ จึงเป็นแบบอย่างให้เห็นว่าในขณะที่เราเป็นนักเรียน ก็จะต้องเรียนรู้ทั้งในระบบและนอกระบบ พระองค์ทรงเคยเล่าให้ฟังว่า ครั้งหนึ่งในขณะที่เรียนไม่ทราบความหมายของคำที่ครูพูด ด้วยความที่อยากรู้ว่ามีความหมายอย่างไรก็เลยไปค้นคว้าด้วยตนเองในห้องสมุด และนี่ก็เป็นจุดประกายที่ทำให้พระองค์มีพระราชดำริจัดตั้งโครงการสารานุกรมสำหรับเยาวชนไทยขึ้น เมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา เพื่อให้เด็กไทยรู้จักใช้เวลาว่างในการค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเอง ทั้งนี้การใช้เวลาว่างของเด็ก ก็ถือเป็นการเรียนรู้นอกหลักสูตร ดังนั้นจึงต้องเสริมสื่อการเรียนรู้ที่มีคุณค่าให้แก่เด็กไทย เพื่อให้เด็กได้ใช้เวลาไปกับสื่อเหล่านั้น ดีกว่าที่จะให้ไปกระทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ดร.ครรชิต มาลัยวงศ์ ประธานโครงการคลังปัญญาไทย กล่าวว่า เนื่องจากในปี 2550 เป็นปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุครบ 80 พรรษา ทางคณะกรรมการบริหารโครงการฯ จึงได้จัดทำเว็บไซต์ปัญญาไทยเพื่อถวายเป็นเครื่องราชสักการะสดุดี โดยตั้งเป้าจะรวบรวมบทความ และสาระต่างๆ ให้ได้จำนวน 80,000 เรื่อง ในปี 2550 (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 4 ธ.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)





จุฬาฯแจงออกนอกระบบ เพื่อเป็นเลิศทาง"วิชาการ"

ศ.คุณหญิงสุชาดา กีระนันทน์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในรายการอธิการบดีออนไลน์ ตอบปัญหาคาใจ “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับการเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ” หลังประชาคมออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านร่าง พ.ร.บ.จุฬาฯ ในการปรับเปลี่ยนสถานภาพเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ หรือออกนอกระบบราชการว่า ถึงออกนอกระบบราชการ แต่ยังเป็นหน่วยงานของรัฐ ได้รับงบประมาณและได้รับการตรวจสอบจากรัฐอยู่ "จุฬาฯ ออกนอกระบบเพื่อความเป็นอิสระ คล่องตัวในการบริหารงาน และบริหารบุคคล เพราะเวลานี้จุฬาฯ แข่งกับมหาวิทยาลัยเอกชนในเรื่องค่าตอบแทนไม่ได้ หากใช้ระบบการบริหารเงินงบประมาณเดิม" อธิการบดีจุฬาฯ กล่าว อธิการบดีจุฬาฯ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันจุฬาฯ ออกนอกระบบครึ่งตัว เพราะไม่รับข้าราชการใหม่ตั้งแต่ปี 2542 อีกทั้งสภาพการณ์ในปี 2549 กับเมื่อปี 2541 ต่างกันลิบลับ ส่วนที่กังวลว่าออกนอกระบบแล้วจะขายให้เอกชน เพื่อสร้างรายได้นั้น ขอยืนยันว่า การออกนอกระบบเพื่อพัฒนาความเป็นเลิศทางวิชาการ ไม่ใช่เพื่อสร้างความร่ำรวย หรือสร้างอำนาจ “จุฬาฯ สำนึกในปณิธานรัชกาลที่ 5 องค์สถาปนามหาวิทยาลัย และเวลานี้โลกเปลี่ยนไปเยอะ เราต้องวิ่งแข่งระดับนานาชาติ ไม่ใช่แค่ในประเทศ เราทำเพื่อยุคหน้า ถ้าเป็นแบบเดิม แค่อยู่ร่วมกันเรายังอยู่ไม่ได้เลย ยืนยันว่าไม่ละเลยธรรมาธิบาลและการถูกตรวจสอบทุกอย่างเปิดกว้าง ขอให้ดูรายละเอียดในร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่ ในเวบไซต์ www.chula.ac.th ที่มีช่องให้แสดงความคิดเห็นเพื่อเสนอปรับปรุงร่าง พ.ร.บ.จุฬาฯ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป อย่าเอาแต่หลับฝันถึง พ.ร.บ.ปี 42-43” (คมชัดลึก พุธที่ 6 ธ.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)





4 องค์กรใหญ่ทุ่ม5.6ล. อุ้มพม่าเรียนภาษาไทย

นางอุไรวรรณ อินทยารัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดตาก (ผอ.ศนจ.ตาก) เปิดเผยว่า ศนจ.ตาก ได้รับมอบหมายให้จัดโครงการการจัดการเรียนการสอนภาษาไทยให้แก่ผู้หนีภัยการสู้รบจากพม่าใน จ.ตาก มาตั้งแต่เดือนกันยายนจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอชซีอาร์ (UNHCR) ซึ่งให้เงินช่วยเหลือจำนวน 5.6 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อการสื่อสารกับเจ้าหน้าที่และผู้มาติดต่อ "ผู้หนีภัยให้ผลตอบรับดีมาก แต่ติดปัญหาเรื่องที่เรียน เพราะปัจจุบันต้องอาศัยบ้านผู้หนีภัยเป็นห้องเรียนแทน ซึ่งไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้เรียน ประกอบกับครูที่มาสอนต้องรู้ 2 ภาษาคือไทยและพม่า แต่จนถึงทุกวันนี้ยังหาครูที่มีคุณสมบัติแบบนั้นไม่ได้ ต้องจ้างครูกะเหรี่ยงที่พูดได้ 2 ภาษาเข้ามาสอนแทน" ผอ.ศนจ.ตาก ระบุ ด้านนายจงเจริญ พรมีทรัพย์ ครูนิเทศก์ในที่พักพิง กล่าวว่า เน้นสอนทักษะการพูดและเขียน โดยเทียบอักษรไทยและพม่าเพื่อให้นักเรียนเกิดความเข้าใจ จากการสังเกตนักเรียนพม่าสนใจมาก แต่มีปัญหาเนื่องจากขาดแคลนครูสอน เฉพาะศูนย์นี้มีครูแค่ 4 คน ซึ่งต้องดูแลนักเรียน 500 กว่าคน ทำให้สอนไม่ทั่วถึง (คมชัดลึก พุธที่ 6 ธ.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)





2ม.รัฐยันออกนอกระบบดี คล่องตัวขึ้น-ไม่เกี่ยวขึ้นค่าเทอม

ตามที่นิสิตนักศึกษาหลายสถาบันได้ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน การเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับรัฐหรือมหาวิทยาลัยนอกระบบ เนื่องจากเกรงว่าค่าเล่าเรียนจะแพงขึ้นนั้น รศ.ดร.วันชัย ศิริชนะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) กล่าวว่า การออกนอกระบบนั้นไม่ว่าจะออกนอกระบบตั้งแต่แรกหรือเปลี่ยนสถานะจากระบบราชการไปเป็นนอกระบบมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย เพื่อมีความคล่องตัวในการทำงาน มีอิสระที่จะคิดริเริ่มสิ่งต่างๆนอกกรอบที่หาอยู่ในระบบไม่เคยทำได้ "แต่สภามหาวิทยาลัยจะต้องเข้มแข็งช่วยประคับประคอง นโยบาย สนับสนุน และมีภาวะผู้นำอย่างสูง ทั้งอธิการบดีต้องมีความโปร่งใส และรับการตรวจสอบจากภายนอกได้ โดยต้องมีกฎเกณฑ์และเขียนไว้ในกฎหมายที่ชัดเจนว่า การจัดองค์กร การบริหารจัดการควรเป็นรูปแบบใด เพื่อความอุ่นใจของประชาคมมหาวิทยาลัย ส่วนออกนอกระบบแล้วต้องขึ้นค่าเล่าเรียนนั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะรัฐยังสนับสนุนงบประมาณอยู่ ทั้งเรื่องที่เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมในการบริหารจัดการจากอธิการบดีนั้นก็ไม่ใช่เช่นกัน แต่ละมหาวิทยาลัยต้องเขียนกฎหมายให้รัดกุม รวมทั้งออกนอกระบบแล้วต้องเลี้ยงตัวเองและหาเงินเองทั้งหมดเป็นความเข้าใจผิด" รศ.ดร.ไกรวุฒิ เกียรติโกมล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) กล่าวว่า มจธ.ออกนอกระบบมาตั้งแต่ปี 2541 ได้ปรับระบบการบริหารภายในมหาวิทยาลัยอย่างต่อเนื่อง และพัฒนาบุคลากรภายในมหาวิทยาลัยไม่มีปัญหาอะไร การบริหารมีอิสระ และคล่องตัว จะติดปัญหาอยู่บ้างตรงที่รัฐบาลไม่มีนโยบายที่ชัดเจนดูแลมหาวิทยาลัยที่แม้ออกนอกระบบไปแล้ว แต่ยังเป็นมหาวิทยาลัยรัฐอยู่ เช่น การยกเว้นภาษีรถยนต์ การปรับฐานเงินเดือนให้แก่บุคลากร ขณะที่ข้าราชการได้ปรับขึ้นหลายครั้งจนจะทำให้ข้าราชการเงินเดือนสูงกว่าแล้ว จึงขอฝากรัฐบาลหากเพิ่มเงินเดือนให้ข้าราชการ ขอให้รวมถึงบุคลากรมหาวิทยาลัยออกนอกระบบด้วยและจัดสรรงบให้เพียงพอ ไม่ต้องให้ทวง การขึ้นค่าเทอมไม่ได้อยู่ที่ว่าจะออกนอกระบบหรือไม่ แต่ขึ้นกับการสนับสนุนของรัฐบาล หากรัฐบาลสนับสนุนอย่างเพียงพอก็ไม่ต้องขึ้น ส่วน มจธ.ตั้งแต่ออกนอกระบบมีการปรับค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงค่าเล่าเรียน ซึ่งไม่ได้มากจนเกินไปและก็ไม่มีเสียงคัดค้านจากนักศึกษา" (คมชัดลึก พุธที่ 6 ธ.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)





นิสิตจุฬาฯขู่หยุดเรียนค้านออกนอกระบบ

นิสิตจุฬาลงกรณ์ คณะต่างๆ อาทิ คณะรัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ วิศวะ นิเทศฯ ประมาณ 100 คน เดินถือแผ่นผ้ารอบมหาวิทยาลัย เพื่อคัดค้านผู้บริหารในการนำจุฬาฯออกนอกระบบ โดยเรียกร้องให้หยุดเรียนและหยุดสอนเพื่อคัดค้านการออกนอกระบบ จากนั้นจึงมาปักหลักที่บริเวณสำนักงานอธิการบดี เพื่อเรียกร้องให้ ศ.คุณหญิงสุชาดา กีระนันทน์ อธิการบดีจุฬาฯ ออกมาชี้แจงเรื่องการนำจุฬาฯออกนอกระบบ โดยเฉพาะประเด็นที่นิสิตเกรงว่าเมื่อออกนอกระบบแล้วจะทำให้ค่าเล่าเรียนสูงขึ้น ทำให้คนยากจนขาดโอกาส แต่อธิการบดีจุฬาฯไม่อยู่ มอบหมายให้ ศ.ดร.เกื้อ วงศ์บุญสิน รองอธิการบดี และ ศ.ดร.จรัส สุวรรณมาลา คณบดีคณะรัฐศาสตร์ เป็นผู้มาเจรจา โดย ศ.ดร.เกื้อขอให้นิสิตส่งตัวแทนมาให้ข้อมูลและชี้แจงข้อสงสัย แต่นิสิตเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยถอนร่าง พ.ร.บ.จุฬาฯ จากสภานิติบัญญัติเพียงอย่างเดียว ตัวแทนนิสิตและผู้บริหารได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า นิสิตจะจัดเวทีเพื่อให้ผู้บริหารออกมาชี้แจง ในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ ศ.ดร.จรัสกล่าวว่า การเคลื่อนไหวของนิสิตเป็นสิทธิที่ทำได้ และไม่เห็นด้วยกับการหยุดเรียนและหยุดสอน เรื่องค่าเล่าเรียนนั้น ไม่ว่าจะออกนอกระบบหรือไม่ก็ขึ้นค่าเล่าเรียนอยู่แล้ว แต่การเรียกร้องให้ มหาวิทยาลัยเก็บค่าเรียนน้อยๆ หรือเรียนฟรีนั้น นิสิตนักศึกษาต้องคุยกับรัฐบาลเอง เพราะเป็นเรื่องของนโยบาย ส่วน ศ.ดร.เกื้อกล่าวว่า จุฬาฯจะผลักดันร่าง พ.ร.บ.จุฬาฯต่อไป และพร้อมทำความเข้าใจกับผู้ที่ยังคัดค้านอยู่ ด้าน ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่มีความเห็นอะไร หากมหาวิทยาลัยไหนสมัครใจแต่มีปัญหาก็ให้มหาวิทยาลัยเป็นผู้ชี้แจงเพราะกระทรวงไม่ได้ไปขอให้มหาวิทยาลัยเสนอ และเรื่องดังกล่าวไม่ใช่ปัญหาของรัฐบาลนี้ เพราะมีการเสนอเรื่องมาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว และเรื่องก็ตกไปเพราะเป็นเรื่องที่ผ่านหลักการมาแล้ว เราก็มาทำต่อเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องที่นักศึกษาขู่ว่าจะมีการหยุดเรียนนั้น ก็แล้วแต่จะเลือกใช้วิธีอย่างสันติ รับฟังความคิดเห็นที่กว้างขวางหรือจะเลือกวิธีไหน ส่วนที่เกรงว่าออกนอกระบบเพื่อจะขึ้นค่าเทอมนั้น เรื่องนี้เป็นอำนาจของสภามหาวิทยาลัย และคงไม่มีอธิการบดีคนไหนอยากออกนอกระบบเพื่อขึ้นค่าเล่าเรียนแน่. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 7 ธ.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)





สพฐ.หนุนใช้ “โอเน็ต” เลื่อนชั้นหวังจูงใจนัก เรียน

คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า ที่ประชุมได้พิจารณารูปแบบการนำผลการสอบแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) มาใช้เป็นองค์ประกอบหนึ่งในการตัดสินผลการเรียน เพื่อเลื่อนระดับผ่านช่วงชั้นและจบการศึกษาในชั้น ม.6 ตามข้อเสนอของ ศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน ผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ซึ่งที่ประชุมเห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว เพราะจะทำให้เด็กตั้งใจเรียนในชั้นเรียน และตั้งใจสอบเพื่อให้ได้คะแนนโอเน็ตมากขึ้น และยังทำให้ สพฐ.ได้ตรวจสอบคุณภาพการเรียนการสอนและผลสัมฤทธิ์ของโรงเรียนด้วย เลขาธิการ กพฐ. กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้แสดงความห่วงใยหลายเรื่อง โดยเฉพาะในส่วนของเด็กด้อยโอกาส เด็กเรียนอ่อนซึ่งอาจเสียเปรียบ อีกทั้งยังไม่มั่นใจในคุณภาพของข้อสอบว่าออกข้อสอบเกินหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือไม่ รวมถึงไม่มั่นใจในระบบทดสอบของโอเน็ตว่าในปี 2550 จะเกิดปัญหาเหมือนที่ผ่านมาหรือไม่ ที่ประชุมเห็นควรให้มีการจัดทำข้อเสนอต่อที่ประชุม กพฐ. เพื่อพิจารณาในประเด็นต่างๆ อาทิ ประกาศให้ทราบล่วงหน้า 2-3 ปี ระหว่างนี้ให้ สพฐ.และ สทศ.ดูข้อสอบว่าสอดคล้องกับหลักสูตรขั้นพื้นฐานหรือไม่ ทั้งนี้ หาก สพฐ.มั่นใจว่าข้อสอบไม่ออกเกินหลักสูตร ก็อาจเริ่มได้ในปีการศึกษา 2550 แต่ถ้าดูแล้วไม่มั่นใจ ก็จะขอดูไปจนกว่าจะมีความมั่นใจ ทั้งนี้ หลังจาก กพฐ.มีมติอย่างไรแล้ว จะนำไปหารือกับ สทศ. และเสนอต่อ รมว.ศึกษาธิการ เป็นผู้ตัดสินต่อไป. (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 7 ธ.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


สนามบินสหรัฐฯ เล็งสแกนผู้โดยสารแบบใหม่เห็นทุกส่วนเว้าส่วนโค้ง !!

องค์การรักษาความปลอดภัยด้านการขนส่งของสหรัฐฯ หรือทีเอสเอ (U.S. Transportation Security Administration : TSA) เตรียมนำระบบการสแกนร่างกายแบบใหม่มาทดสอบใช้ที่สนามบินในสหรัฐอเมริกา โดยระบบดังกล่าวสามารถแสดงภาพของผู้ที่ผ่านเข้าเครื่องสแกนได้อย่างละเอียดตามสัดส่วนโค้งนูน (ตามที่เห็นในภาพ) ซึ่งจุดประสงค์สำคัญก็คือการตรวจจับวัตถุระเบิดหรืออาวุธต่างๆ ที่เครื่องตรวจจับโลหะมองข้ามไป เทคโนโลยีที่เห็นในภาพนี้ เรียกว่า “แบคสแคตเตอร์” (backscatter) หรือเทคนิคการกระเจิงกลับของแสง ซึ่งใช้ตรวจจับรังสีที่สะท้อนกลับมาจากวัตถุ โดยสามารถแยกแยะวัตถุอินทรีย์ที่มีน้ำหนักเบากว่าออกจากบรรดาโลหะที่อยู่โดยรอบ จากนั้นคอมพิวเตอร์ก็จะสร้างภาพโดยปรับส่วนที่เป็นโลหะให้แตกต่างจากส่วนที่เป็นสารอินทรีย์ (หรือร่างกายของเรา) ให้ได้รูปทรงที่เฉพาะเจาะจง เทคนิคแบคสแคตเตอร์ถูกนำมาใช้เพื่อตรวจสอบหาสิ่งผิดปกติ อย่างวัตถุระเบิดและยาเสพติดมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว รวมถึงสหรัฐฯ เองก็ใช้เทคนิคนี้เพื่อรักษาความปลอดภัยหลังเกิดกระแสการก่อการร้าย และปัจจุบันใช้ในเรือนจำ ทว่ายังไม่มีการนำไปใช้อย่างแพร่หลายในที่สาธารณะ เพราะข้อกังวลในประเด็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ขณะนี้ทีเอสเอกำลังศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเทคนิคนี้อยู่ และเผยว่าช่วงปลายเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้จะนำไปติดตั้งที่สนามบินนานาชาติฟีนิกซ์ส์ สกาย ฮาร์เบอร์ก่อน 1 เครื่องเพื่อทดสอบการทำงาน และจะมีแผนจะใช้การสแกนแบบแบคสแคตเตอร์กับทุกๆ สนามบินในสหรัฐฯ ในช่วงปี 2550 ที่สำคัญเทคนิคนี้เคยนำไปใช้ทดสอบที่สนามบินฮีทโธรว์ในลอนดอนมาแล้วด้วย (ผู้จัดการ จันทร์ที่ 4 ธ.ค. 2549 http://www.manager.co.th)





รมว.วิทย์ “ปลื้ม” โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ช่วยลดก๊าซเรือนกระจก

ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เปิดเผยว่า จากการเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนของสภาความร่วมมือทางด้านนิวเคลียร์ในภูมิภาคเอเชีย หรือ เอฟเอ็นซีเอ เมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา ณ เมืองควนตัน ประเทศมาเลเซีย เพื่อการกำหนดนโยบายการวิจัยและพัฒนาการนำพลังงานนิวเคลียร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ด้านการแพทย์ การเกษตร อุตสาหกรรม และสิ่งแวดล้อม พบว่ามีหัวข้อที่น่าสนใจ ควรแก่การเผยแพร่หลายเรื่องด้วยกัน หัวข้อความร่วมมือของชาติสมาชิกที่สำคัญ ได้แก่ วิธีการรักษามะเร็งแบบใหม่บริเวณสมอง คอ และปากมดลูก ตลอดจนถึงการตรวจและการรักษามะเร็งและเนื้องอกด้วยรังสีจากเครื่องไซโครตอน การปรับปรุงพันธุ์พืชด้วยรังสีแกมมา เช่น การพัฒนาพันธุ์กล้วยและถั่วเหลืองที่มีความต้านทานโรคสูงขึ้น การเปลี่ยนแปลงสีของกล้วยไม้ การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ที่ปราศจากโรค การผลิตพลาสติกชีวภาพ การผลิตแผ่นเจลสำหรับประสานแผลสด และการกำจัดเชื้อโรคในขยะและน้ำทิ้งด้วยรังสี “ที่น่าสนใจมาก็คือ ในการประชุมนี้ทุกประเทศยังได้ให้ความสนใจด้านการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในการผลิตกระแสไฟฟ้า เนื่องจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยที่สุด ซึ่งก็ควรจะเป็นพลังงานทางเลือกทางหนึ่งที่จะแก้ไขปัญหา อันเนื่องมาจากผลของสภาวะโลกร้อนที่ทำให้เกิดอากาศวิปริตในทั่วโลกในปัจจุบัน เช่น ฝนตกหนัก น้ำท่วม เกิดพายุขึ้นบ่อยครั้ง อากาศหนาวจัดหรือร้อนจัดผิดปกติ จากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศดังกล่าว องค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น จึงได้กำหนดกรอบสนธิสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ และได้มีการจำกัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในแต่ประเทศขึ้น ประเทศในเอเชียที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แล้ว คือ ญี่ปุ่น 55 โรง เกาหลี 20 โรง อินเดีย 14 โรง จีน 11 โรง และประเทศที่กำลังจะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ คือ เวียดนาม อินโดนีเซีย ตุรกี และอียิปต์ ขณะที่ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และไทย อยู่ในกลุ่มประเทศที่ยังรีรออยู่ อย่างไรก็ตาม ศ.ดร.ยงยุทธ บอกเสริมว่า สำหรับประเทศไทยจะมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หรือไม่ ต้องดูปัจจัยหลายประการด้วยกัน กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ได้ติดตามความก้าวหน้าทางนิวเคลียร์มาโดยตลอด หากพบว่าราคาพลังงานในอนาคตสูงเกินไป การก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีทางหนึ่งด้วย (ผู้จัดการ จันทร์ที่ 4 ธ.ค. 2549 http://www.manager.co.th)





อเมริกาชิงยึดดวงจันทร์ก่อนเพื่อน จัดตั้งฐานถาวรตรงขั้วดาวบริวาร

อเมริกาประกาศว่า จะชิงยึดดวงจันทร์ก่อนเพื่อน ลงมือตั้งฐานยึดครองถาวร หลังจากมนุษย์อวกาศที่ถูกส่งเดินทางไปยังดวงจันทร์ ในปี พ.ศ.2563 กลับมาแล้ว ฐานที่ตั้งของมนุษย์แห่งแรกบนดวงจันทร์ คงจะอยู่แถบขั้วดวงจันทร์ เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีสภาพปานกลางและมีแดดนานเกือบ 3 ใน 4 ทั้งปีมาก อันจำเป็นกับการได้พลังงานจากแดด ฐานจะทำหน้าที่เป็นศูนย์ทางวิทยาศาสตร์ และอาจจะเป็นขั้นตอนของการส่งคนเดินทางไปยังดาวอังคารต่อไปขั้นหนึ่งด้วย องค์การอวกาศสหรัฐฯยังได้แจ้งว่า จะลงมือสร้างยานอวกาศสำหรับเดินทางไปยังดวงจันทร์รุ่นใหม่ สืบแทนยานอวกาศอพอลโล ซึ่งใช้ในการเดินทางครั้งหลังสุด แต่เมื่อ พ.ศ.2515 หลังจากที่ตกลงใจเปลี่ยนนโยบาย มาเป็นตั้งฐานถาวรแทนการเดินทางไปแวะเวียนสั้นๆ เหมือนอย่างเมื่อพ.ศ.2503 นายสก็อตต์ “ด็อค” โฮโรวิตซ์ ผู้ช่วยผู้บริหารองค์การ กล่าวว่า “เรากำลังจะสร้างฐานบนดวงจันทร์” เป็นที่คาดว่า อเมริกาจะออกปากให้ชาติอื่นร่วมธุรกิจในการสร้างฐานด้วย คาดว่าจะแล้วเสร็จในราวปี พ.ศ.2567 (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 7 ธ.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)





สถาบันเทคโนฯ นิวเคลียร์เล็งใช้ “ไซโคลตรอน” แก้ขัด “เครื่องปฏิกรณ์” ที่ยืดเยื้อ

ดร.สมพร จองคำ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ(สทน.) เผยว่า โครงการของ สทน.ตอนนี้หากรอเครื่องปฏิกรณ์ที่จะก่อสร้างที่ อ.องครักษ์ จ.นครนายก คงไม่ไหว ซึ่งก็อาจจะเอา เครื่องไซโคลตรอน (Cyclotron) มาก่อน ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่จะนำมาผลิตไอโซโทปทางการแพทย์ แต่ที่จะใช้กับด้านอุตสาหกรรม การเกษตรต้องใช้ปฏิกรณ์ปรมาณู ที่ผลิตไอโซโทปได้หลากหลายและทดแทนได้เยอะกว่า “ก็เหมือนก๋วยเตี๋ยวร้านหนึ่ง ที่ต้องมีเส้นเล็ก เส้นใหญ่ ไซโคลตรอนก็สามารถผลิตไอโซโทปหลายๆ ตัว ซึ่งอาจจะเป็นฟังก์ชันเฉพาะ เช่น โรคตับ สมอง หัวใจ ลำไส้ อาจจะได้แค่นั้น แต่อีกร้านหนึ่งก็เป็นร้านที่ใช้เครื่องปฏิกรณ์ปรมาณู อันนี้อาจจะยังต้องรักษาโรคปอด ต่อมไทรอยด์ มันไม่เหมือนกัน แต่เสริมซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ซื้ออันนี้แล้วอีกอันไม่ต้องก็ได้” ดร.สมพรกล่าวว่าหากได้รับการอนุมัติแล้ว ภายใน 1 ปีก็น่าจะสั่งซื้อเครื่องไซโคลตรอนได้แล้วเสร็จ และน่าจะรองรับความต้องการในการใช้รังสีได้ 2-3 ปี เพราะไม่ใช่เครื่องที่ใหญ่โตมากนัก เป็นเครื่องมือที่คล้ายกับเครื่องฉายรังสีเอ็กซเรย์ และไม่มีอะไรยุ่งยากเหมือนเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ (ผู้จัดการ พฤหัสบดีที่ 7 ธ.ค. 2549 http://www.manager.co.th)





สหรัฐพัฒนาเลเซอร์พิฆาตขีปนาวุธยิงลำแสงความร้อนทำลายจรวดก่อนถึงเป้าหมาย

กระทรวงความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐหนุนพัฒนาเลเซอร์ต่อต้านขีปนาวุธ ใช้ลำแสงกำลังสูงยิงทำลายเป็นจุณในเสี้ยววินาที คาดอีก 2 ปี ส่งไปประจำป้องกันสนามบิน มาตรการใหม่ป้องกันประเทศหลังจากขีปนาวุธพกพามีจำหน่ายในตลาดมืดกันเกร่อ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐวิตกว่าอาวุธที่มีอานุภาพทำลายสูงอย่างขีปนาวุธพกพาซึ่งหาซื้อได้ง่ายในตลาดมืดอาจถูกผู้ก่อการร้ายนำมาใช้โจมตีเครื่องบินพาณิชย์ จึงทุ่มเงินนับล้านดอลลาร์ให้งานวิจัยเพื่อป้องกันการจู่โจมทางอากาศ เทคโนโลยีป้องกันน่านฟ้าที่กล่าวขวัญถึงกันมากที่สุดคือ เลเซอร์ต่อต้านขีปนาวุธที่เรียกว่า "สกายการ์ด" ใช้แสงเลเซอร์แรงสูงยิงทำลายขีปนาวุธกลางอากาศก่อนที่จะวิ่งปะทะเป้าหมาย เลเซอร์พิฆาตใช้กล้องอินฟราเรดที่สามารถกวาดหาวัตถุต้องสงสัยที่มีความร้อนสูงภายในรัศมี 6-10 ไมล์รอบสนามบิน เมื่อค้นพบเป้าหมายข้อมูลต่างๆ จะถูกส่งไปยังระบบติดตามและชี้เป้า ซึ่งอยู่ภายในเครื่องเดียวกันนี้ จากนั้นระบบคอมพิวเตอร์จะตรวจสอบข้อมูลความร้อนของวัตถุที่ตรวจพบกับฐานข้อมูลเพื่อยืนยันว่าเป็นขีปนาวุธจริง ไม่ใช่เครื่องบิน จากนั้นระบบถึงสั่งเดินเครื่องยิงเลเซอร์ ก๊าซตัวเร่งปฏิกิริยาที่อยู่ในถังเชื้อเพลิงของเลเซอร์จะถูกดูดผ่านท่อสุญญากาศเพื่อเพิ่มอุณหภูมิให้กับอะตอม ซึ่งจะถูกส่งต่อเป็นทอดๆ ผ่านกระจกสะท้อนแสงทำให้เกิดเป็นแท่งลำแสงที่มีพลังงานสูง ลำแสงจะถูกยิงไปยังตำแหน่งที่เปราะบางที่สุดของขีปนาวุธ โดยปกติแล้วจะเป็นห้องบรรจุระเบิด ขณะเดียวกัน สัญญาณไร้สายจะถูกส่งไปยังคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ในหอควบคุมสนามบินเพื่อให้เจ้าหน้าที่ไปเก็บกวาดเศษจรวดที่ถูกทำลาย (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 8 ธ.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)





ข่าววิจัย/พัฒนา


นักวิจัยไทยใช้ไอออนสร้างข้าวหอมดำนาโน

รศ.ดร.สมบูรณ์ อนันตลาโภชัย อาจารย์ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และหัวหน้าโครงการ “การปรับปรุงพันธุ์พืชด้วยกระบวนการไอ ออนนาโน” ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เปิดเผยว่า การปรับปรุงพันธุ์พืชโดยวิธีการก่อกลายพันธุ์ เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมาก โดยใช้รังสีแกมม่า รังสีเอ็กซ์ และสารก่อกลายพันธุ์ชนิดต่าง ๆ แต่โครงการดังกล่าวใช้เทค นิคใหม่ล่าสุดคือ การใช้ไอออนพลังงานต่ำเร่งอนุภาคที่มีประจุไอออนของไนโตรเจน หรืออาร์ กอน ซึ่งมีอนุภาคเล็กกว่าขนาดนาโนให้เกิดพลังงานสูงขึ้น และยิงไปยังเป้าหมายในสภาพสุญญากาศ ทำให้เป้าหมายเกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและทางเคมี โดยไม่ทำอันตรายต่อโครงสร้างและพื้นผิว อนุภาคไอออนจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงลักษณะการเรียงตัวของสารพันธุกรรมภายในเซลล์ ชักนำให้เกิดการกลายพันธุ์ด้วยไอออน เบื้องต้นทดลองกับข้าวหอมมะลิ 105 และข้าวหอมปทุมธานี 1 ได้ข้าวพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้น มีทั้งต้นข้าวที่ไม่ไวแสง การเก็บเกี่ยวสั้น ต้นสูงที่ให้ผลผลิตสูง ออกรวงเร็ว ต้นกอใหญ่ และข้าวเมล็ดสีดำ เรียกว่า ข้าวหอมนาโน เป็นการดึงยีนส์ด้อยขึ้นเป็นยีนเด่น (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 4 ธ.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)





ระบบไบโอรีแอคเตอร์

“เครื่องควบคุมระบบไบโอรีแอค เตอร์แบบจมชั่วคราวพร้อมใช้” ผลงานการวิจัยของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เป็นเครื่องที่ใช้ในการให้อาหารพืช โดยแยกขวดใส่พืชที่ต้องการเพาะเลี้ยง และขวดใส่อาหารเหลวออกจากกัน โดยใช้วิธีดึงอาหารจากขวดอาหารมาให้พืชกินภายในขวดพืชที่ต้องการเพาะเลี้ยงเป็นเวลา 1 นาที วันละ 2 ครั้ง ผ่านเครื่องควบคุมอัตโนมัติ ซึ่งวิธีดังกล่าวส่งผลให้พืชใช้เวลาเติบโตน้อย จากการเพาะเลี้ยงด้วยวิธีธรรมดา 6-8 สัปดาห์ เหลือเพียง 3-4 สัปดาห์ ทั้งยังเพาะเลี้ยงพืชได้ในปริมาณมากขึ้น ขณะนี้มหาวิทยาลัยแม่โจ้ร่วมกับ วช. ยื่นจดสิทธิบัตรกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งผลงานดังกล่าวจัดแสดงอยู่ในบูธของ วช. ภายในงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549 (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 4 ธ.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)





มจธ.ใช้น้ำยาล้างแผลทำเซลล์เชื้อเพลิงแหล่งพลังงานอนาคตจ่ายไฟนานกว่าแบตเตอรี่หลายเท่า

นริสรา บุศยาจารย์ นักศึกษาปริญญาเอก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) วิจัยนำเซลล์เชื้อเพลิงอุณหภูมิต่ำ โดยใช้เพอร์ออกไซด์มาเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ซึ่งมีราคาถูกกว่าแพลตินั่ม และยังช่วยให้เซลล์เชื้อเพลิงมีขนาดเล็กลง แต่ประสิทธิภาพเท่าเดิม สามารถนำไปใช้ในอุปกรณ์ขนาดเล็ก อาทิ คอมพิวเตอร์พกพา โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิสก์ต่างๆ เซลล์เชื้อเพลิง เป็นแหล่งผลิตไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่นักวิจัยทั่วโลกพยายามพัฒนาเพื่อใช้งานแทนแบตเตอรี่แบบที่ใช้กันทั่วไปในปัจจุบัน เพื่อให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิสก์ เช่น คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค สามารถใช้งานได้นานกว่าเดิมหลายเท่า ขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์เริ่มพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์โดยอาศัยพลังงานจากเซลล์เชื้อเพลิงเช่นกัน การผลิตกระแสไฟฟ้าของเซลล์เชื้อเพลิงเป็นผลจากปฏิกิริยาไฟฟ้าเคมีระหว่างไฮโดรเจนที่ผ่านเข้าทางขั้วลบ (แอโนด) กับน้ำที่ผ่านเข้าทางขั้วบวก (แคโทด) โดยมีอิเล็กโทรไลต์เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาอยู่ตรงกลาง นักวิจัยจากห้องแล็บหลายแห่งใช้แผ่นโลหะแพลตินั่ม หรือทองคำขาวเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาอยู่คั่นกลางระหว่างขั้วบวกกับขั้วลบ ในงานประชุมนานาชาติ "พลังงานทางเลือกและสิ่งแวดล้อม 2006" จัดโดยบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกียวโต นักศึกษาปริญญาเอกจาก มจธ. ได้เสนอให้ใช้ "เพอร์ออกไซด์" หรือนำยาล้างแผลเป็นสารเร่งปฏิกิริยาตัวใหม่แทนแผ่นแพลตินั่ม ซึ่งมีราคาแพงมาก ซึ่งเพอร์ออกไซด์มีคุณสมบัติตรงตามต้องการทั้งยังราคาถูก ผลที่ได้คือประสิทธิภาพที่ไม่แตกต่างจากเดิม นอกจากนี้ยังได้ระบบเซลล์เชื้อเพลิงที่ขนาดเล็กลง สามารถนำไปประยุกต์ใส่ในคอมพิวเตอร์พกพาได้ในอนาคต ด้วยต้นทุนที่น้อยกว่าการใช้ทองคำขาวแบบเดิม แนวคิดดังกล่าวจะปูทางไปสู่การผลิตเซลล์เชื้อเพลิงขนาดเล็กที่สามารถใช้งานได้จริงกับคอมพิวเตอร์พกพา และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากภาครัฐและเอกชน เชื่อว่าไทยสามารถพัฒนาเซลล์เชื้อเพลิงแข่งขันกับต่างประเทศได้ โดยเฉพาะในย่ายเอเชีย แต่อาจจะช้าจากฟากยุโรป ซึ่งอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ได้เริ่มทดสอบรถที่ขับเคลื่อนด้วยเซลล์เชื้อเพลิงแล้ว (คมชัดลึก พุธที่ 6 ธ.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)





ยางรถเก่ามีประโยชน์ทำเป็นไส้กรองน้ำ

เย่เฟง สี นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเพนสเตท พบว่า ปัญหาของระบบกรองแบบเดิมคือไส้กรองตันง่ายมาก ใช้งานได้เฉลี่ยสองวันก็ต้องทำความสะอาดไล่สิ่งอุดตันกันทีโดยเปิดน้ำให้ไหลย้อนขึ้นไปเพื่อไล่เศษที่อุดตัน แต่วิธีดังกล่าวกลับทำให้ผงกรองที่หยาบ ซึ่งควรอยู่ข้างบนตกลงมาอยู่ข้างล่างแทน พอเอากลับมาใช้อีกทีโอกาสตันยิ่งเร็วเข้าไปอีก นักวิจัยจึงลองนำเอายางเก่ามาป่นให้มีขนาด 1-2 มม. มาใช้แทนผงกรองโดยไม่ต้องสนใจว่าจะต้องให้อยู่ชั้นล่าง เนื่องจากเมื่อปล่อยน้ำย้อนเพื่อล้างสิ่งอุดตัน ผงยางยังคงไหลลงมากองอยู่ข้างล่างเสมอ เพราะมีแรงกดจากข้างบนไล่ลงมา และยังช่วยให้ไส้กรองกรองน้ำได้เร็วขึ้นเป็นสี่เท่าด้วย ผลงานดังกล่าวได้สิทธิบัตรตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว ผู้เชี่ยวชาญสิ่งแวดล้อมจากอังกฤษเชื่อว่า หลักการดังกล่าวเป็นไปได้ แต่ไม่ง่ายนักที่จะแปลงความรู้จากห้องแล็บมาใช้ในเชิงพาณิชย์ และปัจจุบันมีไส้กรองรุ่นใหม่ที่ยังวางชั้นกรองไว้ตำแหน่งเดิมแม้จะปล่อยน้ำย้อนกลับก็ตาม นอกจากนี้ คราบสิ่งสกปรกจากน้ำเสียยังเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำหรับระบบกรองน้ำ คราบเหล่านี้มีแนวโน้มว่าจะเกาะติดกับเม็ดยางที่มีผิวเรียบได้ง่ายกว่าทรายหรือถ่าน (คมชัดลึก พุธที่ 6 ธ.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)





มลพิษ-โลกร้อนชาวนาเกี่ยวข้าวน้อยลง

ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ ศึกษาพบว่า ทวีปเอเชียใต้ เป็นพื้นที่ที่ปกคลุมด้วยมลพิษหนาแน่นที่สุดในโลก มลพิษดังกล่าว หรือที่เรียกกันว่า "เมฆแดง" เป็นละอองเขม่าและฝุ่นควันที่ลอยอยู่ฟุ้งในชั้นบรรยากาศ ส่วนใหญ่เกิดจากการเผาเชื้อเพลิงประเภทฟอสซิล (น้ำมันและถ่านหิน) รวมถึงการชีวภาพอื่นๆ ด้วย มลพิษที่ปกคลุมบนฟ้าทำให้แสดงอาทิตย์ส่องลงถึงพื้นไม่เต็มที่ และทำให้อากาศในบริเวณดังกล่าวผิดปกติ กล่าวคือทำให้อากาศเย็นลงและมีสภาพสลัว งานวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ยังชี้ให้เห็นว่า กลุ่มมลพิษนี้ยังทำให้ฝนตกน้อยลงด้วย ทีมวิจัยได้ทดลองป้อนข้อมูลสภาพอากาศและข้อมูลการเก็บเกี่ยวพืชผลการเกษตรในอดีตเข้าไปในคอมพิวเตอร์ พบว่ามลพิษที่เกิดขึ้นส่งผลต่อการเก็บเกี่ยวข้าวตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทีมวิจัยพบว่า หากไม่มีเมฆสีน้ำตาลในช่วงปี 2528 และ 2541 ชาวนาอาจเกี่ยวข้าวได้มากกว่าปัจจุบันราวร้อยละ 11 เท่ากับว่ามลพิษเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อผลผลิตข้าว ถึงแม้ว่าชั้นมลพิษช่วยทำให้อากาศตอนกลางคืนเย็นลงกว่าปกติและเป็นผลดีต่อข้าว แต่มลพิษทำให้ฝนตกน้อยลงผลเสียมากกว่าผลดีที่ได้รับ ถึงกระนั้น หากพื้นที่เพาะปลูกมีระบบชลประทานอื่นช่วยเสริมอาจได้รับผลกระทบน้อยกว่าพื้นที่ที่พึ่งแต่ฝนอย่างเดียวในการเพาะปลูก ทั้งนี้ ทีมวิจัยยังมีแผนศึกษาข้อมูลจากประเทศอื่นเช่น จีนและอินโดนีเซีย เพื่อหาข้อมูลประกอบ (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 8 ธ.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)





มช.วิจัยปลูกถ่ายกระดูกรักษาข้อเสื่อม

รศ.ดร.ปรัชญา คงทวีเลิศ หน่วยวิจัยที่เป็นเลิศทางด้านวิศวกรรมเนื้อเยื่อประเทศไทย ภาควิชาเคมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) กล่าวว่า ทีมวิจัยอยู่ระหว่างการทดสอบประสิทธิภาพเซซามิน (sesamin) สารสกัดจากข่าและน้ำมันงา เพื่อศึกษาฤทธิ์ยับยั้งการเสื่อมสลายของกระดูกอ่อน และกลไกการออกฤทธิ์ของเซซามินต่อกระดูกอ่อน โดยใช้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์รับรองข้อดีของสมุนไพรดังกล่าว สำหรับนำไปสู่การผลิตเป็นยาราคาถูก "ข้อเสื่อม " เป็นโรคเรื้อรังที่พบมากในผู้สูงอายุ โดยในประเทศไทยพบสถิติผู้ป่วยโรคข้อเสื่อม 10% ของประชากรไทย ผู้ป่วยกลุ่มนี้ต้องรับประทานยาที่ทำจากสารเคมี เม็ดละประมาณ 40 บาท ตลอดจนเปลี่ยนกระดูกส่วนที่เสื่อม โดยใส่โลหะเข้าไปแทนที่ ด้วยค่าใช้จ่ายกว่าข้างละ 1 แสนบาท ทีมวิจัยจึงพยายามค้นหายาชนิดใหม่ ที่ราคาถูกเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ป่วย งานวิจัยในห้องปฏิบัติการ ทีมวิจัยได้ทดลองนำเซลล์กระดูกอ่อนจากขาหมู ที่ยังคงมีเนื้อเยื่อและเส้นเลือดอยู่มาใส่ที่จานเพาะเพื่อเตรียมใส่อาหารเลี้ยงเชื้อ ก่อนศึกษาคุณสมบัติของสารออกฤทธิ์เซซามินจากข่า เปรียบเทียบกับยาจากสารเคมีที่มีในปัจจุบัน ซึ่งพบแนวโน้มที่เกิดขึ้นคล้ายกัน โดยสารสกัดสมุนไพรออกฤทธิ์ได้ในระดับเอนไซม์หรือยีน ทีมวิจัยตั้งเป้าที่จะพัฒนายาจากสารสกัดเซซามิน จากสมุนไพรที่ให้ผลดีที่สุด โดยจะศึกษาเพิ่มในสมุนไพรชนิดอื่นด้วย นอกจากสารสกัดจากข่าและน้ำมันงา สำหรับการทดลองในขั้นต่อไปจะใช้กระดูกของผู้ป่วยโรคกระดูกเสื่อมจริง ทั้งนี้ การรักษาที่พัฒนาขึ้นอาจไม่จบลงเพียงแค่ยารักษาโรคกระดูกเสื่อม แต่จะใช้เทคโนโลยีเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเพื่อปลูกถ่ายกระดูกใหม่ให้กับผู้ป่วย เพราะผลจากการทดลองปลูกถ่ายเนื้อเยื่อ ให้กับหนูทดลองในห้องปฏิบัติการได้ผลเป็นที่น่าพอใจ" (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 8 ธ.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





วิจัย"น้ำตาลลำไย"คู่แข่งน้ำตาลทราย

รศ .ดร .ไพโรจน์ วิริยจารี รองอธิการบดีฝ่ายแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ลำไยเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคเหนือ ในช่วงฤดูกาลลำไยออกผลิตผล เกษตรกรผู้ปลูกมักจะประสบกับปัญหาภาวะลำไยล้นตลาด และสูญเสียวัตถุดิบจากการแปรรูป อาทิ ลำไยกระป๋องในน้ำเชื่อมและเป็นลำไยอบแห้ง ซึ่งลำไยที่มีขนาดเล็ก ไม่ได้มาตรฐาน (เกรดต่ำ )จะถูกคัดออก ทีมงานนำลำไยมาแปรรูปเป็นน้ำตาล เพื่อสามารถนำมารับประทานได้ เนื่องจากน้ำตาลผลไม้ โดยเฉพาะลำไย จะมีน้ำตาลกลูโคสและน้ำตาลฟรุคโตส ที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ดี มีคุณค่าทางการดูดซึมต่อร่างกายได้ดีกว่าน้ำตาลปกติ ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้บริโภค ส่วนการแปรรูปลำไยมาเป็นน้ำตาลนั้น จะนำลำไยที่คละเกรดทั้งหมดล้างน้ำให้สะอาดนำมาตีป่นให้ละเอียดทั้งผลและเปลือก จากนั้นนำส่วนที่เป็นน้ำมาตกตะกอนด้วยน้ำปูนใส สัดส่วนประมาณ 1 ต่อ 1 เป็นเวลา 3 ชั่วโมง แล้วนำน้ำลำไยมาปรับสภาพเป็นกรด -ด่าง ทำการกรองอีกครั้ง เพื่อนำกากออก จะได้ลำไยที่ความใสและปรับสัดส่วนของน้ำตาล กลูโคส :ซูโครส :ฟรุคโตส เป็น 1:4:1 จากนั้นนำไปผ่านขบวนการตกผลึก โดยการระเหยที่ 60 องศาเซลเซียสภายใต้สูญญากาศ แล้วนำไปผ่านขั้นตอนการขจัดกลิ่น น้ำตาลที่ออกมาจะมีสีเหลืองอ่อน และไม่มีกลิ่น ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของ "น้ำตาลลำไย" ขณะนี้งานวิจัยกำลังอยู่ในช่วงการทำต้นแบบในห้องปฏิบัติการ และนำเทคโนโลยีนี้ถ่ายทอดไปสู่ภาคอุตสาหกรรมในเชิงพาณิชย์ หากการวิจัยน้ำตาลลำไยดังกล่าวสำเร็จจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับผลไม้อื่นๆได้ (กรุงเทพธุรกิจ ศุกร์ที่ 8 ธ.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





ข่าวทั่วไป


วิจัย "เบื้องหลังความสำเร็จ" ของแชมป์ห้องสมุดมีชีวิต

ห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งได้เป็น “แชมป์ห้องสมุดมีชีวิต” ในฐานะผู้ชนะเลิศห้องสมุดมีชีวิตของอุทยานการเรียนรู้ (ทีเค ปาร์ค) จากโครงการ ห้องสมุดมีชีวิต ทีเค ปาร์ค (TK Living Library Award) เป็นสถานที่เล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขเมื่อเดินเข้าไป ซึ่งอาจจะไม่มีหนังสือที่ราคาแพงที่สุดในโลกไว้บริการ อาจไม่มีคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ล่าสุดให้ใช้ อาจไม่มีอาคารโอ่อ่า และอุปกรณ์ทันสมัยที่เพียบพร้อม แต่มีบริการและความปรารถนาดีที่จะสนับสนุนส่งเสริมให้ทุกคนในชุมชนหันมาให้ความสนใจและรักการอ่าน รักการเรียนรู้ ซึ่งผู้ใช้บริการทุกคนสามารถออกแบบการอ่านของตนเอง ออกแบบกิจกรรมและสื่อที่อยากให้มีในห้องสมุดได้ และสุดท้ายคำจำกัดความห้องสมุดมีชีวิตของทีมงาน ห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” อำเภอแม่สะเรียง ก็คือ ห้องสมุดที่ทุกชีวิตสามารถเข้ามาร่วมเป็นเจ้าของได้ เป็นห้องสมุดที่เคลื่อนไหวไปตามจังหวะชีวิตของทุก ๆ คนในชุมชน สอดคล้องกับความต้องการ วิถีชีวิต และเป็นห้องสมุดที่ทุกชีวิตในชุมชนได้ใช้บริการเพื่อเติมเต็มชีวิตให้เป็นชีวิตที่ดีได้ตลอดไป ห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี”อำเภอแม่สะเรียง สร้างขึ้นในวโรกาสที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมพรรษา 36 พรรษา ในปี 2534 เป็นห้องสมุด 2 ชั้น มีพื้นที่บริการขนาด 315 ตารางเมตร และเมื่อรวมอาณาบริเวณโดยรอบแล้ว มีพื้นที่ทั้งหมด 30 ตารางวา (โดยได้รับความอนุเคราะห์จากวัดอมราวาส) (เดลินิวส์ จันทร์ที่ 4 ธ.ค. 2549 http://www.dailynews.co.th)





พิสูจน์ได้หอมกระเทียมเป็นคุณ ป้องกันโรคมะเร็งได้หลายชนิด

คณะนักวิจัยของสถาบันวิจัยทางเภสัชวิทยามาริโอ-เนกริ ที่เมืองมิลาน ได้ศึกษาด้วยการวิเคราะห์ผลการศึกษาทั้งที่ในอิตาลีและสวิตเซอร์แลนด์ 8 เรื่องด้วยกัน สรุปว่าผู้สูงอายุที่กินหอมและกระเทียมกับอาหารมากที่สุด จะมีโอกาสเป็นมะเร็งในจำนวนหนึ่ง เช่น ลำไส้ ปาก ไต รังไข่และลำคอน้อยที่สุด ผลการศึกษาซึ่งรายงานผลไว้ในวารสารวิชาการ “โภชนาการบำบัดแห่งอเมริกา” สอดคล้องกับผลการศึกษาที่ได้ทำกันมาแล้ว แต่ที่ยังไม่รู้ชัดเจน ก็คือว่าหอมและกระเทียมเป็นตัวที่ทำให้ลดภัยจากการเป็นมะเร็งโดยตรงหรือไม่ เคยมีผลการศึกษากับสัตว์ในห้องปฏิบัติการพบว่าสารประกอบในหอมและกระเทียม อาจช่วยขัดขวางการเติบโตของเนื้อร้าย สารประกอบกำมะถันในกระเทียมและฟลาโวนอยด์ อันเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระในหอมอาจจะเป็นตัวช่วยป้องกันมะเร็งก็ได้ ผลการศึกษาของคณะนักวิจัยมักกะโรนี ยังได้แยกให้เห็นว่า หญิงหรือชายที่กินหอมอาทิตย์ละไม่น้อยกว่า 7 มื้อขึ้นไป จะหนีห่างจากมะเร็งลำไส้ได้มากกว่าคนไม่กินตั้งครึ่ง ขณะเดียวกันคนชอบกินกระเทียมก็จะหนีโรคได้ห่าง มากกว่าคนเกลียดกระเทียมหนึ่งใน 4 เช่นกัน (ไทยรัฐ จันทร์ที่ 4 ธ.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)





เด็กกรุงเทพฯ-ปริมณฑลครองแชมป์เล่นหวยบนดิน

จากกรณีรัฐบาลถอนร่างพ.ร.บ.หวยออกจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เนื่องจากเครือข่ายองค์กรที่ทำงานด้านเด็ก เยาวชน ครอบครัวและศาสนาร่วมกันทำหนังสือเปิดผนึกยื่นให้กับสภานิติบัญญัติฯโดยระบุข้อมูลโครงการเฝ้าระวังสถานการณ์เด็กและเยาวชนพบว่าวัยรุ่นในระดับมัธยมและอุดมศึกษามีการเล่นหวยบนดินสูงถึงร้อยละ คิดเป็นเยาวชนประมาณ 1.5 ล้านคิด โดยมีการเล่นหวยบนดินเฉลี่ยเดือนละ 200 บาทคิดเป็นเงินถึง 3 ,600 ล้านบาทต่อปี วันที่ 1 ธ.ค.2549 ผศ.ดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ ผู้อำนวยการสถาบันรามจิตติ กล่าวว่า ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลส่วนหนึ่งในโครงการติดตามสภาวการณ์เด็กและเยาวชนรายจังหวัดหรือโครงการเฝ้าระวังสถานการณ์เด็กและเยาวชน(ไชลด์วอทช์) โดยได้รับงบสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส .) เพื่อศึกษาพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยทั้งในแง่บวกและแง่ลบเช่น การอ่านหนังสือ การกิน การดื่มเหล้า โดยในเรื่องการพนันศึกษา 3 เรื่องได้แก่ พนันบอล เล่นหวยบนดินและส่งข้อความเอสเอ็สเอสชิงรางวัล โดยศึกษาระหว่างเดือนพ.ย.2548-ก.พ.2549 มีกลุ่มตัวอย่างทั้งระดับประถม ม.ต้น ม.ปลาย อาชีวศึกษาและอุดมศึกษาจังหวัดละ 2 ,000 คน รวมมีกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศทั้งสิ้น 150 ,000 คนโดยใช้แบบสอบถาม ทั้งนี้ จากการเก็บข้อมูลการเล่นหวยบนดินของเด็กและเยาวชนพบว่าจากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 1.5 แสนคนทั่วประเทศ มีเด็กและเยาวชนทุกระดับการศึกษาร้อยละ 20 คิดเป็นตัวเลขประมาณการอยู่ที่ 1.5 ล้านคนที่เล่นหวยบนดินจากที่มีเด็กและเยาวชนตั้งแต่ประถม-อุดมศึกษาทั้งสิ้นประมาณ 8 ล้านคน โดยเฉลี่ยเดือนละ 200 บาท คิดเป็นเงินถึง 3 ,600 ล้านบาทต่อปี หากดูเป็นรายภาคพบว่า เด็กกรุงเทพฯและปริมณฑลทุกระดับการศึกษาเล่นหวยบนดินค่อนข้างสูง รองลงมาเป็นเด็กภาคเหนือตอนล่าง ส่วนภาคอีสานเล่นหวยบนดินเมื่อเรียนอุดมศึกษาแล้ว ขณะที่เด็กภาคใต้เล่นหวยบนดินน้อยมาก เมื่อแบ่งเป็นระดับการศึกษาพบว่า มีเด็กประถมร้อยละ 6 ม.ต้น ร้อยละ 12 ม.ปลายร้อยละ 17 อาชีวศึกษาร้อยละ 25 และอุดมศึกษาร้อยละ 27 ซึ่งเล่นหวยบนดิน โดยภาพรวมพบว่าเด็กยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งเล่นหวยบนดิน (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 6 ธ.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





เปิดตัวเวบคลังปัญญาไทยรวมความรู้ 8 พันเรื่อง

สมาคมผู้ดูแลเว็ป ไทยและสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส .) ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวโครงการคลังปัญญาไทย เป็นโครงการเปิดเวปไซต์ www.panyathai.or.th ซึ่งเป็นเว็ปไซต์ที่รวบ รวมความรู้ในเรื่องต่าง ๆ ไว้อย่างมีระบบให้ผู้ที่สนใจเข้าไปศึกษาหาความรู้ ดร .ครรชิต มาลัย วงส์ ราชบัณฑิตในฐานะประธานโคงการคลังปัญญาไทย กล่าวว่า นักวิชาการส่วนหนึ่ง และสมาคมผู้ดูแลเว็ปไทย ต้องการจัดทำเวบฯนี้ ขึ้นมา เพราะเห็นว่า ความ รู้ที่อยู่ในเวบไซต์ต่างๆ นั้นยังมีน้อยมาก พื้นที่สร้างสรรค์ในอินเทอร์เนตมี น้อยมาก เด็กไทย 70 % จึงใช้อินเทอร์เนตในทางไม่สร้าง สรรค์ อีกทั้งความรู้ที่มีอยู่ใน อินเทอร์เนตกระจัดกระจายยากต่อการสืบค้น ขณะเดียวกันก็ยังมีความรู้ ประสบการณ์ของผู้รู้อีกมากที่ยังไม่มีการบันทึกไว้ ประกอบกับได้แรงบันดาลใจจากพระราช ดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงพระราชทานว่า " เด็กควรได้เรียนรู้ ควรได้เรียนความดี และควรได้เรียนวิธีทำงาน " เพราะฉะนั้น สมาคมผู้ดู แลเว็บไทย จึงขอการสนับสนุนจาก สสส . รวมทั้งร่วมมือกับภาคีต่างๆ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ สถาบันการศึกษา ต่าง ๆ จัดทำเวปไซต์นี้ขึ้นมา เพื่อให้เป็นคลังปัญญาของคนไทย คล้ายกับที่ในหลวงได้ให้จัดทำ โครงการสารานุกรมสำหรับเยาวชนไทย ที่ดำเนินการมาประมาณ 30 ปีแล้ว โครงสร้างของเวบไซต์ ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก ส่วนแรกเป็นความรู้โดยไม่สามารถเข้าไปแก้ไขได้ประกอบด้วย พระบรมราโชวาท พระราชดำรัส วิทยานิพนธ์ ส่วนที่ 2 เป็นบทความเกี่ยวกับความรู้ ความดี และคำแนะนำในการทำงานต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งบทความที่เกี่ยวกับความรู้นั้นจะเน้นเรื่องภูมิปัญญาไทย เรื่องราวเกี่ยวกับท้องถิ่น วิชาการ สาขาต่าง ๆ บทความเกี่ยวกับความดี จะเน้นประวัติคนไทยที่มีความสามารถ มีคุณธรรม น่ายกย่อง และคุณธรรมในศาสนาต่าง ๆ บทความเกี่ยวกับคำแนะนำในการทำงานนั้น จะเน้นด้านการประกอบอาชีพ แนวทาง การทำงานให้มีประสิทธิภาพ ที่สำคัญ บทความในส่วนที่ 2 นี้ เปิดให้ผู้อ่านสามารถแก้ไข เพิ่มเติมได้ โดยใช้เทคนิคสารานุกรมต่อยอดหรือ Wiki pedie ในต่างประเทศ ที่อนุญาติให้คนทั่วไปสามารถเข้ามาปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมความรู้ใหม่ ๆ ได้ตลอดเวลา ส่งผลให้ เนื้อหาที่อยู่เว็บไซต์กว้างขวางมากขึ้นและได้รับการตรวจสอบความถูกต้องจากผู้ อ่านด้วย (กรุงเทพธุรกิจ พุธที่ 6 ธ.ค. 2549 http://www.bangkokbiznews.com)





ปีนี้ขึ้นเป็นแชมป์เป็นปีที่ร้อนที่สุด น้ำแข็งขั้วโลกลดลงจนระดับต่ำสุด

ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศโลก กล่าวว่า อุณหภูมิเฉลี่ยในปี 2549 นี้ ติดอันดับ 1 ในปีที่ร้อนที่สุดนับตั้งแต่ที่มีการบันทึกสถิติมาเกือบ 150 ปี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากภาวะโลกร้อน อุณหภูมิในช่วงฤดูใบไม้ร่วงจนย่างเข้าสู่ฤดูหนาวตั้งแต่เทือกเขาแอลป์ไปจนถึงรัสเซียในปีนี้อุ่นขึ้น จนกระทบต่อการเล่นสกีตามรีสอร์ตต่างๆ ขณะที่ช่วงฤดูเพาะปลูกกลับขยายขึ้น ส่วนน้ำแข็งขั้วโลกเหนือลดลงจนถึงระดับเกือบต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในฤดูร้อน เดวิด ไวเนอร์ นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศ มหาวิทยาลัยอีสต์ แองเกลีย ในอังกฤษ กล่าวว่า ปีนี้ติด 1 ใน 5 อันดับปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ องค์การอุตุนิยมวิทยารายงานว่า ในช่วง 10 ปี นับตั้งแต่ปี 2539-2548 นับเป็นช่วงที่มีอากาศอบอุ่นมากที่สุด โดยปี 2541 เป็นปีที่ร้อนที่สุด ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าอุณหภูมิโลกจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะมนุษย์ปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น การเผาไหม้จากโรงไฟฟ้า โรงงาน และรถยนต์ รวมถึงปรากฏการณ์เอลนิญโญที่จะมีไปจนถึงปีหน้า (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 7 ธ.ค. 2549 http://www.thairath.co.th)





“ในหลวง” ทรงแนะ ครม.ใช้ประสบการณ์เพื่อประโยชน์ชาติ-กำชับบริหารน้ำให้ดี

“ในหลวง” ทรงแนะ ใช้ความแก่ให้เป็นประโยชน์ เพราะมากด้วยประสบการณ์และความรู้สามารถที่จะนำมาช่วยเหลือบ้านเมืองได้มาก พร้อมทรงให้กำลังใจ “พล.อ.สุรยุทธ์” ในการทำงานด้วยความตั้งใจที่ดี และแน่วแน่ต่อไป ขณะเดียวกัน ทรงกำชับให้ดูแลจัดการบริหารเรื่องน้ำให้ดี โดยเฉพาะการเตรียมพร้อมรับมือน้ำที่จะมามากในช่วง 2-3 วันข้างหน้า (ผู้จัดการ พฤหัสบดีที่ 7 ธ.ค. 2549 http://www.manager.co.th)





ยุงลายสายพันธุ์ใหม่กัดคนทั้งวัน-ทั้งคืน

พิษภาวะโลกร้อน ยุงลายตัวผู้มีเชื้อไวรัสไข้เลือดออก 2 สายพันธุ์ในตัวเดียวกันทั้งที่ไม่เคยกินเลือดคน แถมเพิ่มพฤติกรรมจากกัดกลางวันเป็นควบกลางคืน หวั่นทำให้ไข้เลือดออกระบาดหนัก อธิบดีกรมควบคุมโรคเตือนระวังยุงกัดช่วงค่ำ สภาวะโลกร้อนที่เกิดจากการทำลายสิ่งแวดล้อม ได้ส่งผลกระทบใหม่ที่ไม่สามารถมองข้ามได้เลย นั่นคือการที่ "ยุงลายตัวผู้" กลายเป็นพาหะนำเชื้อโรคไข้เลือดออกมาสู่คน ทั้งที่ไม่เคยมีกรณีนี้มาก่อน วันที่ 7 ธันวาคม น.พ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคระบาด ที่เกิดจากภาวะโลกร้อน ว่าจากการประชุมประเมินสถานการณ์การระบาดของโรคติดต่อในภาวะโลกร้อนในระดับนานาชาติเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมแสดงความกังวลถึงผลกระทบด้านสุขภาพที่จะเกิดขึ้นจากภาวะโลกร้อน เนื่องจากอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น จะส่งผลให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมแก่การฟักตัวของเชื้อโรค โรคที่ฟักตัวได้ดีในสภาพร้อนชื้นของโลก มีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นภายในระยะเวลา 10-20 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากยุงเป็นพาหะ เช่น ไข้เลือดออก มาลาเรีย รวมทั้งโรคจากอาหารและน้ำ เช่น อหิวาตกโรค ไทฟอยด์ บิด อาหารเป็นพิษ (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 8 ธ.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)





ปี 50 กยศ.รับ 3.6 หมื่นล้าน ปรับกองทุนใหม่ปลอดหนี้ 4 ปีคิดดอก 1%

ครม.อนุมัติเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาปี 2550 วงเงิน 3.6 หมื่นล้านบาท เตรียมเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา 7 ธันวาคมนี้ ด้าน กยศ.เผยพร้อมรับมือการรวมกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาและกองทุนเงินกู้ยืมที่ผูกกับรายได้ในอนาคต เตรียมวางเกณฑ์ใหม่ยืมรูปแบบมาจาก กยศ. เชื่อเป็นผลดีต่อทั้งผู้กู้และแผ่นดิน ดร.เปรมประชา ศุภสมุทร ผู้จัดการกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติงบประมาณ กยศ.ปี 2550 จำนวน 3.6 หมื่นล้านบาท ตามที่เสนอ ซึ่งเพิ่มจากปี 2549 ที่ได้รับ 3 หมื่นล้านบาท และ ครม.จะเสนอเข้าที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติในวันที่ 7 ธันวาคมนี้ ทั้งนี้งบปี 2550 แบ่งออกเป็นงบสำหรับกองทุนเงินให้กู้ยืมที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) 5,000 ล้านบาท และอีก 31,000 ล้านบาท เป็นงบ กยศ.สำหรับผู้กู้รายเก่าจำนวน 6 แสนคน และผู้กู้รายใหม่อีก 3 แสนคน อย่างไรก็ตาม หากในปี 2550 จะมีการรวม กยศ.และ กรอ.เข้าด้วยกัน กยศ.ก็พร้อมปรับเปลี่ยนการดำเนินงาน เพราะได้เตรียมแนวทางรองรับการรวมกองทุนไว้แล้ว (คมชัดลึก ศุกร์ที่ 8 ธ.ค. 2549 http://www.komchadluek.net)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215