หัวข้อข่าวปีที่ 1 ฉบับที่ 5 ประจำวันที่ 2000-09-19

ข่าวการศึกษา

“สุชน” ย้ำสานต่อ มหาวิทยาลัยนอกระบบ
เผยร่างกฎหมาย มมส. ผ่านฉลุย “อภิสิทธิ์” ชี้ปรับสถานภาพ ขรก.
ไฟเขียวเทียบโอนผลการเรียนระดับอุดมศึกษา
แนวทางการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาเพื่อพร้อมรับการประเมินภายนอก
ก.ค. ตั้งกองทุน 6 พันล้าน เพิ่มคุณภาพครู
อาชีวะเห็นทางออกสอน ป.ตรี ไม่จำกัดเขตพื้นที่การศึกษา
ติวเอ็นทรานซ์ผ่านดาวเทียม
ร.ร. เตรียมอุดมศึกษา กับแนวคิดออกนอกระบบ
ไม้เรียว

ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี

พบฟอสซิส “ปู่ไดโนเสาร์” ในไทย
การลองใช้ก๊าซธรรมชาติแทนน้ำมันในรถแท็กซี่
ก๊าซธรรมชาติ
ก๊าซเอทานอล
การใช้ Internet
NECTEC เร่ง E-Thailand เชื่อม ASEAN
นโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศ ปี 2010 (IT 2010 Plan)

ข่าววิจัย/พัฒนา

“เอทานอล” เชื้อเพลิงเกษตรที่ทดแทนพลังงานได้
แปลงแอปเปิ้ลสู้ฟันผุ
วิศวะจุฬาฯ เดินสายหาแหล่งเสี่ยงฟ้าผ่า
“ฝ้ายบีที”
พระจอมเกล้าลาดกระบังทำวิจัยและพัฒนาเรื่อง Bluetooth
ทำกระดาษจากหญ้าแฝก
เด็กร้อยเอ็ด เฮ็ดเครื่องสาวไหม

ข่าวทั่วไป

คอรัปชั่น
ตึกแถวต้องเว้นที่ด้านหลัง 3 เมตร





ข่าวการศึกษา


“สุชน” ย้ำสานต่อ มหาวิทยาลัยนอกระบบ

นายสุชน ชามพูนท รัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัยคนใหม่ ให้สัมภาษณ์จะสานต่องานของทบวงฯ เท่าที่จะทำได้ ทั้งเรื่องการปรับเปลี่ยนสถานภาพของมหาวิทยาลัยของรัฐไปเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับ เรื่องการคงสถานภาพบุคลากร 2 ระบบคู่ขนาน และเรื่องการนำผลการเรียนในชั้น ม.ปลาย ไปใช้ในการเอ็นทรานซ์ระบบใหม่ (มติชน ศุกร์ 15 กันยายน 2543 หน้า 10)





เผยร่างกฎหมาย มมส. ผ่านฉลุย “อภิสิทธิ์” ชี้ปรับสถานภาพ ขรก.

รศ.ดร.ภาวิช ทองโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการจัดทำร่าง พ.ร.บ. มมส. ที่ปรับเปลี่ยนสถานภาพไปสู่มหาวิทยาลัยในกำกับรัฐว่า ร่าง พ.ร.บ. ฉบับแรกได้จัดทำเสร็จแล้ว เนื้อความจะครอบคลุมถึงกรอบและแนวคิด โดยที่ผ่านมาสถาบันได้จัดระดมความคิด ทำประชาพิจารณ์ จัดให้มีการประชุมรับฟังความคิดเห็น 2 รอบ และจัดทำแบบสอบถามในเชิงลึกอีก 1 ครั้ง เพื่อใช้เป็นกรอบในการพิจารณาจัดทำร่าง พ.ร.บ. ประกอบกับเงื่อนไขของรัฐบาล ทั้งนี้ตามกรอบร่าง พ.ร.บ. ได้เสนอให้ใช้ระบบบริหารแบบคู่ขนาน 2 ระบบ ในการบริหารบุคลากร แม้ว่าบุคลากรของสถาบันจะมีทั้งสิ้นประมาณ 800 คน เป็นอาจารย์ในสาย ก. ประมาณ 4 ร้อยกว่าคน ในส่วนของบุคลากรสาย ก. นั้น เป็นอาจารย์ใหม่ที่มีตำแหน่งเป็นพนักงานกว่า 100 คน และขณะนี้มีอาจารย์ใหม่บางส่วนเริ่มให้ความสนใจจะลาออกจากการเป็นข้าราชการเพื่อเป็นพนักงานในมหาวิทยาลัย เพราะเห็นว่าได้รับเงินเดือนสูงขึ้นกว่าเดิมถึง 1.6 เท่า (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 14 กันยายน 2543)





ไฟเขียวเทียบโอนผลการเรียนระดับอุดมศึกษา

ศ.ดร. สมหวัง พิทยานุวัฒน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะประธานคณะทำงานปฏิรูปการเรียนการสอนระดับอุดมศึกษา เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกับร่างกฎทบวงมหาวิทยาลัย เกี่ยวกับการเทียบโอนผลการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย โดยให้มีการเทียบโอนในระบบเดียวกัน หรือต่างระบบก็ได้ โดยจะจัดตั้งให้มีคณะกรรมการกลางเพื่อจัดทำหลักเกณฑ์และระเบียบการเทียบโอน ส่วนในการพิจารณาเทียบโอนจะมอบอำนาจให้กับสภามหา-วิทยาลัยหรือสภาสถาบันแต่ละแห่งเป็นผู้พิจารณา (เดลินิวส์ 4 กันยายน 2543)





แนวทางการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาเพื่อพร้อมรับการประเมินภายนอก

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ (สกศ.) ได้จัดกิจกรรมหลายอย่างเพื่อส่งเสริมการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา เพื่อให้สอดคล้องกับ มาตรา 48 พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ 2542 กิจกรรมดังกล่าว ประกอบด้วย การจัดทำหนังสือ เรื่อง แนวทางการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา : เพื่อพร้อมรับการประเมินภายนอก เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจและทัศนคติต่อการประกันคุณภาพการศึกษามากยิ่งขึ้น และมีการเปิดตัวหนังสือเล่มนี้ เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่ผ่านมา การส่งเสริมการจัดประชุมสัมมนาเรื่อง การประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาเพื่อพร้อมรับการประเมินภายนอก โดย สกศ. จะสนับสนุนเอกสารและงบประมาณในการจัดกิจกรรมนี้พร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 26 ก.ย. 2543 นอกจากนี้แล้ว สกศ. ยังจัดทำโครงการสนับสนุนสถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อเป็นโรงเรียนแกนนำการประกันคุณภาพภายในเพื่อพร้อมรับการประเมินภายนอกด้วย ผู้สนใจขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สถาบันส่งเสิรมการประเมินคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาแห่งชาติ (สคม.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ ถ.สุโขทัย เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300 โทร. 668-7123 ต่อ 2315, 2317 Fax 243-7915 (มติชน ศุกร์ที่ 15 กันยายน 2543 หน้า 3)





ก.ค. ตั้งกองทุน 6 พันล้าน เพิ่มคุณภาพครู

นายเฉลิมศักดิ์ นามเชียงใต้ รองเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครู (ก.ค.) เปิดเผยว่าที่ประชุมได้พิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาการจัดตั้งกองทุนพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ โดยมีหลักการสำคัญ คือ หลังจากที่มีการจัดตั้งกองทุนในปี 2545 จะมีองค์กรอิสระมหาชนเข้ามาดูแลบริหารกองทุน สำหรับเงินกองทุนจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเป็นเวลา 6 ปี ซึ่งจะเริ่มในปีงบประมาณ 2545-2551 โดยจะได้รับงบประมาณ ปีละ 1,000 ล้านบาท เป็นเงินมูลค่า 6,000 ล้านบาท โดยจะมีการนำงบการพัฒนาครูของแต่ละกรมฯ ที่กระจัดกระจายอยู่เข้ามาสมทบกองทุน รวมทั้งจะมีการระดมทุน จากครู บุคลากรทางการศึกษาเข้ามาสนับสนุนอีกทางหนึ่งด้วย โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาวิชาชีพครู (ไทยโพสต์ อังคารที่ 12 กันยายน 2543 หน้า 12)





อาชีวะเห็นทางออกสอน ป.ตรี ไม่จำกัดเขตพื้นที่การศึกษา

ศ.น.พ.เกษม วัฒนชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดทำร่างพระราชบัญญัติ สถาบันอาชีวศึกษา ได้เปิดเผยร่าง พ.ร.บ. มีสาระสำคัญว่า ต่อไปสถาบันการอาชีวศึกษา จะสอนได้ทั้งระดับปริญญาตรีทางเทคโนโลยีทุกสาขา ส่วนวิทยาลัยที่สอนไม่ถึงระดับดังกล่าว ก็จะมาเป็นเครือข่ายของสถาบันอาชีวศึกษา ส่วนการพัฒนาการอาชีวศึกษา จะมี 4 ระดับ คือ ช่างกึ่งฝีมือ ช่างฝีมือ นักเทคนิค และนักเทคโนโลยี และจะไม่มีกรมชีวศึกษา แต่จะมีคณะกรรมการอาชีวศึกษา (ก.อ.ศ.) ทำหน้าที่ดูแลนโยบายการอาชีวศึกษาแทน นอกจากนี้ยังมีเครือข่ายสถาบันการอาชีวศึกษา และมีคณะกรรมการเขตพื้นที่บริการอาชีวศึกษา ทำหน้าที่ดูแลการจัดการศึกษา อาชีวศึกษาในพื้นที่ ซึ่งเมื่ออาชีวศึกษาสามารถสอนได้ถึง ปริญญาตรีแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าไปอยู่ในการดูแล ของพื้นที่การศึกษาอีก เพราะสอนสูงกว่าการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 ปี ดังนั้น ปัญหาในเรื่องเขตพื้นที่การศึกษาก็จะหมดไป (เดลินิวส์ วันอังคารที่ 5 กันยายน 2543)





ติวเอ็นทรานซ์ผ่านดาวเทียม

ในปีนี้ โครงการแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ โดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้ร่วมกับมูลนิธิการศึกษาผ่านดาวเทียม โรงเรียนไกลกังวลหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จัดติวเข้มก่อนสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย โดยจะใช้โทรทัศน์ระบบวงจรปิดสำหรับนักเรียนเข้าร่วมโครงการ และจะส่งสัญญาณภาพและเสียงผ่านดาวเทียมไปยังทั่วประเทศสำหรับนักเรียนที่สนใจ โดยเริ่มบรรยายตั้งแต่ 16 ก.ย. – 8 ต.ค. 2543 ติดต่อขอรายละเอียดที่ โทร. 651-4211 (ไทยรัฐ 15 กันยายน 2543)





ร.ร. เตรียมอุดมศึกษา กับแนวคิดออกนอกระบบ

กรณีที่ ร.ร. เตรียมอุดมศึกษา มีแนวคิดที่จะออกนอกระบบราชการนั้น นายรุ่ง แก้วแดง เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ ให้ความคิดเห็นว่า ต้องดูวัตถุประสงค์และเหตุผลก่อน หากต้องการให้เป็นโรงเรียนชั้นนำเฉพาะลูกคนมีฐานะ คงไม่สามารถทำได้ และไม่สามารถกำหนดนโยบายการรับเด็กเองได้ เพราะต้องอยู่ภายใต้นโยบายของกระทรวง แม้จะไม่รับงบประมาณ จากรัฐ แต่จะเก็บเงินจากผู้ปกครองฝ่ายเดียวก็ตาม เพราะใน พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ กำหนดให้รัฐสนับสนุนงบประมาณทั้งโรงเรียนรัฐและเอกชน โดยเฉพาะโรงเรียนขั้นพื้นฐาน 12 ปี แต่หากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษามีวัตถุ-ประสงค์ในการจัดตั้งโรงเรียนลักษณะเฉพาะ ก็สามารถร่างพระราชกฤษฎีกาเสนอกรมต้นสังกัด แล้วนำเข้าคณะรัฐมนตรีได้ ขณะนี้ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ เป็นโรงเรียนเดียวที่ออกนอกระบบราชการ เพราะเป็นโรงเรียนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นโรงเรียนวิทยาศาสตร์ ซึ่งต้องการความคล่องตัว มีอิสระและยืดหยุ่น โดยเฉพาะในเรื่องการบริหารเงินและบุคลากรครู (มติชน พฤหัสบดีที่ 14 กันยายน 2543 หน้า 10)





ไม้เรียว

กระทรวงศึกษาธิการ ได้มีการแก้ไขระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วย การลงโทษ นักเรียน นักศึกษา โดยให้เลิกเฆี่ยนตี และหันมาใช้ 5 ขั้นตอน คือ ว่ากล่าวตักเตือน ทำกิจกรรม ทำทัณฑ์บน พักการเรียน และให้ออก ซึ่งระเบียบดังกล่าว มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2543 เป็นต้นไป (มติชน พฤหัสบดีที่ 14 กันยายน 2543 หน้า 23)





ข่าววิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี


พบฟอสซิส “ปู่ไดโนเสาร์” ในไทย

พบซากกระดูกของไดโนเสาร์พวกที่ตัวโตที่สุดที่ภูนกเขียน บนที่ราบสูงโคราช ในจังหวัดชัยภูมิ ฟอสซิลเหล่านี้ เป็นซากของไดโนเสาร์พวกซอโรพอด ที่มีชีวิตอยู่ในยุคจูราสสิก และซากนี้มีอายุในปลายยุคไทรแอสสิกราว 209 ล้านปีมาแล้ว ซากกระดูกนี้ได้รับการตั้งชื่อเป็นภาษาวิทยาศาสตร์ว่า Isanosaurus attavipachi ซึ่งมาจากคำว่า อีสาน คำว่า sauros เป็นคำกรีก หมายถึง สัตว์เลื้อยคลาน ส่วน attavipachi มาจากชื่อของ นายปรีชา อรรถวิภัชน์ อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี (ไทยโพสต์ อังคารที่ 12 กันยายน 2543 หน้า 12)





การลองใช้ก๊าซธรรมชาติแทนน้ำมันในรถแท็กซี่

แท็กซี่ 100 คัน จะถูกนำมาดัดแปลงเพื่อติดตั้งระบบการใช้ก๊าซธรรมชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำมันแพง ในการดัดแปลงดังกล่าว การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งค่าใช้จ่ายในการดัดแปลงแท็กซี่จะราคาประมาณ 30,000 – 40,000 บาท ต่อคัน ถ้าทุกอย่างดำเนินไปอย่างเรียบร้อย ปตท. จะทำการดัดแปลงรถแท็กซี่เพิ่มอีก 1,000 คัน ภายในสิ้นปีนี้ สำหรับรถยนต์ขนาดใหญ่ รวมทั้ง รถเมล์ในกรุงเทพฯ 300 คัน และรถขนขยะ 400 คัน จะถูกดัดแปลงมาใช้ก๊าซธรรมชาติในปีหน้า และสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ จะถูกติดตั้งเพิ่มขึ้นอีก 6 จุด ทั่วกรุงเทพฯ (Bangkok Post Tuesday 12 Sept. 2000 Page 3)





ก๊าซธรรมชาติ

ตัวแทน 450 คน จากสมาคมก๊าซธรรมชาติและบริษัทที่ดำเนินงานเกี่ยวกับก๊าซธรรมชาติจาก 15 ประเทศ ในกลุ่มเอเซีย-แปซิฟิค ได้เข้าร่วมประชุม Gasex 2000 ที่พัทยา โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติและแหล่งก๊าซธรรมชาติในภูมิภาคแปซิฟิคตะวันตก โดยได้รับความร่วมมือจากประเทศสมาชิกทุกประเทศ หนึ่งในวาระการประชุมที่น่าสนใจ คือ แผนการที่จะสร้างท่อก๊าซธรรมชาติความยาว 27,000 กม. เพื่อเชื่อมโยงประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก เข้าด้วยกัน โดยท่อส่งก๊าซธรรมชาตินี้จะทำการส่งก๊าซธรรมชาติ จากแหล่งผลิตในมาเลเซีย และอินโดนีเซีย สู่ผู้บริโภคในประเทศจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ซึ่งคาดว่าโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จในปี 2553 (Bangkok Post Tuesday Sept. 12, 2000 Page 3)





ก๊าซเอทานอล

BOI ได้เสนอมาตรการและความช่วยเหลือต่างๆ เพื่อกระตุ้น ส่งเสริมและสนับสนุนให้บริษัทเอกชนผลิตก๊าซเอทานอล เพื่อใช้เป็นส่วนผสมในเชื้อเพลิงให้มากขึ้น เช่น งดภาษีการนำเข้าเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในโรงงาน งดภาษีการค้าเป็นเวลา 8 ปี เป็นต้น นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ จะลดภาษีในการผลิตก๊าซเอทานอลที่ใช้ในรถยนต์ ลงเหลือเพียง 1 สตางค์ต่อลิตร เพื่อส่งเสริมให้มีการใช้เพิ่มมากขึ้น จากรายงานของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งระบุว่า ประเทศไทยจะสามารถประหยัดงบประมาณไปได้ ปีละ 30 พันล้านบาท จากการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ หากใช้น้ำมันที่มีส่วนผสมของเอทานอล 10% (Bangkok Post Tuesday 12 Sept. 2000 Page 3)





การใช้ Internet

บริษัทวิจัยเนลสันเน็ตเรตติ้ง ได้สำรวจการใช้งานอินเทอร์เน็ตใน 20 ประเทศ ในยุโรป เอเชีย-แปซิฟิก และอเมริกาเหนือ พบว่า ในปัจจุบันมีผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์จากที่บ้านเชื่อมเข้าสู่โลก อินเทอร์เน็ตมากกว่า 295 ล้านคนแล้ว โดยแบ่งเป็นในยุโรปประมาณ 82 ล้านคน หรือประมาณ 1 ใน 5 ของบ้านเรือนได้มีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตแล้ว โดยผู้ใช้อินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในอังกฤษ เยอรมัน และอิตาลี สำหรับใน เอเชีย-แปซิฟิก นั้น พบว่าที่ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และสิงคโปร์มีผู้เชื่อมต่ออิน-เทอร์เน็ตด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์จากที่บ้านประมาณ 37 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอุปกรณ์เชื่อมต่อ อินเทอร์เน็ตอยู่บ้านเรือนละ 1 เครื่อง ยกเว้นในนิวซีแลนด์ จะมีบ้านเรือน 1 ใน 4 ที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต 2 เครื่องขึ้นไป (ไทยโพสต์ 10 กันยายน 2543 หน้า 6)





NECTEC เร่ง E-Thailand เชื่อม ASEAN

NECTEC ได้เสนอรูปแบบ โครงสร้างของ E-Thailand ต่อคณะกรรมการเทคโนโลยี-สารสนเทศแห่งชาติ (NITC) ที่มีนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิจารณา เมื่อ 11 กันยายน 2543 เพื่อเตรียมความพร้อมของประเทศไทย ในการพัฒนาศักยภาพการแข่งขันด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และรองรับการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ E-ASEAN โครงสร้างของ E-Thailand ประกอบด้วย โครงสร้างพื้นฐานงานสารสนเทศ สิ่งอำนวยความสะดวก (Facilitating E-Commerce) การเปิดเสรี ซึ่งแบ่งเป็น ส่วนของการค้า (E-Trade) การบริการ (E-Service) และการลงทุน (E-Investment) ด้านการส่งเสริมการพัฒนาสังคม (E-Society) ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศภาครัฐ (E-Government) และนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศสำหรับโครงการ E-ASEAN มีส่วนที่ต้องดำเนินการ 5 ด้าน คือ 1) การวางโครงสร้างพื้นฐานด้านสารสนเทศ 2) การส่งเสริมและอำนวยความสะดวกด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ 3) การจัดทำเขตการค้าเสรีด้านสินค้า บริการ และการลงทุนที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศของ ASEAN 4) การส่งเสริมการพัฒนาสังคมใน ASEAN และ 5) การสร้าง E-Government (ไทยโพสต์ จันทร์ที่ 11 กันยายน 2543 หน้า 6)





นโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศ ปี 2010 (IT 2010 Plan)

คณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ (National IT Committee (NITC)) ได้ร่างนโยบายด้าน IT สำหรับ 10 ปีข้างหน้า ขึ้นแล้วเรียกว่า “IT 2010 Plan” โดยยึดหลักการที่ว่า “IT enables Thailand” วัตถุประสงค์ส่วนใหญ่ของแผนนี้ คือ มุ่งเน้นการพัฒนา IT ให้สอดคล้องกับยุคเศรษฐกิจแบบใหม่ ผู้อำนวยการ NECTEC ให้ข้อมูลว่า ร่างนโยบาย IT 2010 นี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ และจะส่งให้วุฒิสมาชิกให้ความเห็นชอบในต้นปีหน้า และจะประกาศเป็นนโยบายด้าน IT ของประเทศต่อไป เพื่อเป็นแนวทางให้หน่วยงานของรัฐและบริษัทเอกชน ปรับการพัฒนาด้านนี้ต่อไป แผน IT 2010 ซึ่งจะเหมือนกับแผน IT 2000 นั่นคือ จะครอบคลุม 3 สาขาใหญ่ คือ- การพัฒนา IT เพื่อการปกครองแบบ good governance - การพัฒนาบุคลากรด้าน IT ภายในประเทศ - พัฒนาสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้องกับ IT (IT Infrastructure) อย่างไรก็ตามในแผน IT 2010 จะครอบคลุมสาขาอื่น ๆ ด้วย และจะเป็นการใช้ IT เพื่อประโยชน์ในด้านเศรษฐกิจ การศึกษา และการใช้ชีวิตในสังคม ผู้อำนวยการ NECTEC ยังได้กล่าวอีกว่า แผนใหม่นี้จะสนับสนุนพัฒนาการในเรื่องระบบความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวในยุค IT และการสนับสนุนให้มีการวิจัยและพัฒนาสาขา IT มากขึ้น (Nation Tuesday 12 Sept. 2000 Section F)





ข่าววิจัย/พัฒนา


“เอทานอล” เชื้อเพลิงเกษตรที่ทดแทนพลังงานได้

ดร.เกษม สุขสถาน ประธานคณะทำงานด้านอ้อย-น้ำตาล ได้ใช้ความเห็นว่า จากการศึกษาการผลิต เอทานอล จากพืชพวกอ้อยและมันสำปะหลัง โดยความร่วมมือของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, กรมวิชาการเกษตร วท. และโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา ได้ทำการศึกษาและวิจัยการใช้แอลกอฮอล์ เพื่อเป็นพลังงานทดแทน โดยผสมกับน้ำมันเบนซินธรรมดา ในอัตราส่วน 1 : 10 เป็นน้ำมันแกสโซฮอล์ ใช้กับรถยนต์แล้ว ไม่มีผลกระทบต่อสมรรถนะการใช้งาน และเป็นการช่วยลดมลพิษ ประเทศไทย มีโรงงานผลิตแอลกอฮอล์มากกว่า 22 โรง ส่วนใหญ่ใช้ผลิตสุรา เวชภัณฑ์ และเครื่องสำอาง มีโรงงานต้นแบบผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง ของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ซึ่งมีกำลังผลิตวันละ 1,500 ลิตร ดร.เกษม กล่าวว่า หากจะสร้างโรงงานผลิตแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น เพื่อให้มีต้นทุนต่ำ ควรจะใช้โรงงานน้ำตาลที่มีอยู่ทั้งหมด 46 โรง เป็นผู้ผลิตแอลกอฮอร์เอง เพียงแค่สร้างแท็งก์หมัก และ หอกลั่นเพิ่มขึ้น จะเห็นว่า เอทานอล เป็นโครงการทดแทนน้ำมันที่มีความเป็นไปได้สูง แต่ต้องอาศัยการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชน ซึ่งถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะต้องตระหนักถึงปัญหาการขาดแคลนน้ำมัน (เดลินิวส์ ศุกร์ที่ 8 กันยายน 2543)





แปลงแอปเปิ้ลสู้ฟันผุ

นักวิทยาศาสตร์กำลังดัดแปลงพันธุกรรมของแอปเปิ้ล เพื่อให้ได้ผลไม้ที่กินแล้วต่อสู้ ฟันผุ โดยการฉีดเพปไทด์ ซึ่งเป็นสารประกอบจำพวกโปรตีนที่สามารถสกัดกั้นเชื้อแบคทีเรีย ที่ทำให้ ฟันผุ เข้าไปในผลไม้ โดยทีมงานของโรงพยาบาลกายส์ในกรุงลอนดอนได้สกัดยีนส์และเพปไทด์ที่คอยป้องกันไม่ให้แบคทีเรียชนิดนี้ เกาะติดฟันเป็นผลสำเร็จแล้ว และขณะนี้ ศ. เดวิด เจมส์ นักเทคโนโลยีชีวภาพขององค์การวิจัยพืชสวนนานาชาติในอังกฤษ กำลังหาวิธีส่งเพปไทด์เข้าปากผู้บริโภคโดยผ่านทางผลแอปเปิ้ลหรือสตรอเบอรี่ (ไทยโพสต์ อังคารที่ 12 กันยายน 2543 หน้า 12)





วิศวะจุฬาฯ เดินสายหาแหล่งเสี่ยงฟ้าผ่า

คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยนายพงศ์ภัทร อะสีติรัตน์ นักวิจัย ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัย จาก สกว. ให้ศึกษาเรื่อง เครื่องมือนับฟ้าผ่า ซึ่งเครื่องมือนี้ สามารถใช้บันทึกความถี่ของการเกิดฟ้าผ่าในแต่ละที่ว่ามีความเสี่ยงมากแค่ไหน ผู้วิจัยได้นำเครื่องมือนี้ไปวัดการเกิดฟ้าผ่าที่สถานที่ต่าง ๆ เช่น ที่ตึกสารนิเทศ 50 ปี ม.เกษตรศาสตร์ ตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยา-ลัย กองบังคับการอู่ทหารเรือ พระจุลจอมเกล้า จ.สมุทรปราการ เพื่อเก็บสถิติการเกิดปริมาณฟ้าผ่าในที่ต่าง ๆ เพื่อนำมาเป็นข้อมูล ในการเตรียมตัวรับ และป้องกันไม่ให้เกิดฟ้าผ่าต่อไป (มติชน พุธที่ 13 กันยายน 2543 หน้า 7)





“ฝ้ายบีที”

ผลการศึกษาเกี่ยวกับพืชตัดแต่งพันธุกรรม (GMOs) โดยเฉพาะเรื่องของฝ้ายต้านทานหนอนเจาะสมอ หรือ ฝ้ายบีที โดย ดร.โสภิณ ทองปาน ศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์ประยุกต์ คณะเศรษฐ-ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผลการทดลองพบว่า ฝ้ายบีที ให้ผลผลิตสูงกว่า ฝ้ายพันธุ์ศรีสำโรง 60 และยังพบว่า ฝ้ายบีที ต้านทานเฉพาะหนอนเจาะสมอฝ้าย แต่ไม่ต้านทาน หรืออ่อนแอต่อโรคใบหงิกและโรคอื่น ๆ (ไทยรัฐ พฤหัสบดีที่ 14 กันยายน 2543)





พระจอมเกล้าลาดกระบังทำวิจัยและพัฒนาเรื่อง Bluetooth

Bluetooth คือ เทคโนโลยีที่ใช้ low-power radio interface ในการเชื่อมต่อที่มีขนาดการส่งประมาณ 10 เมตร โดยไม่ต้องใช้สายเคเบิลอื่น ๆ เลย เทคโนโลยีนี้ สามารถใช้กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์หลายชนิด เช่น โทรศัพท์มือถือ, เครื่องพิมพ์, คอมพิวเตอร์ขนาดหูหิ้ว หรือแม้แต่กับเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เป็นที่คาดว่า เทคโนโลยี Bluetooth นี้ จะมีบทบาทมากในยุคการติดต่อสื่อสารแบบไร้สายในปัจจุบันนี้ เพราะในอนาคตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์หลายประเภทจะรองรับเทคโนโลยี Bluetooth นี้ ขณะนี้ KMITL’s Embedded Systems Lab ของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กำลังทำการศึกษาวิจัยเพื่อผลิต Chip ของ Bluetooth ขึ้นใช้กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์เพื่อรองรับความต้องการภายในประเทศ (Nation Tuesday Sept. 12, 2000 Page F2)





ทำกระดาษจากหญ้าแฝก

คุณดำรงศักดิ์ เหล่าแสงธรรม นักวิทยาศาสตร์ของกรมวิทยาศาสตร์บริการ เป็นผู้คิดวิธีการทำกระดาษจากหญ้าแฝก ซึ่งเป็นพืชที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระศรีนครินทรา-บรมราชนนี ทรงมีพระราชดำริให้ปลูก เพื่อป้องกันการชะล้างของดิน รักษาความชุ่มชื้นของดินไว้ (เดลินิวส์ อาทิตย์ที่ 10 กันยายน 2543)





เด็กร้อยเอ็ด เฮ็ดเครื่องสาวไหม

นายสุรชัย ทุมาดรีย์ และ นายสมพร แสนยาบุตร นักศึกษาชั้น ปวส. ปีที่ 2 แผนกวิชาช่างเชื่อมโลหะ คณะวิชาช่างกลโลหะ วิทยาลัยเทคนิคร้อยเอ็ด และอาจารย์ที่ปรึกษา คือ อาจารย์ทองดี ทดบึงการ ได้ทำการคิดค้นและประดิษฐ์เครื่องสาวและจัดเก็บเส้นใยไหม โดยเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับชาติในปี 2539 ประเภทอุปกรณ์ความคิดสร้างสรรค์ แรงจูงใจที่ทำให้ผลิตอุปกรณ์ชิ้นนี้ขึ้นมา เพราะในร้อยเอ็ดมีการเลี้ยงไหมเป็นอาชีพเสริมกันมาก แต่การสาวไหมและการจัดเก็บเส้นใยไหม ยังทำได้ช้า อุปกรณ์นี้ทำให้การสาวและการจัดเก็บเส้นใยไหมใช้เวลาน้อยลง และยังเพิ่มปริมาณเส้นใยไหมให้มากขึ้น และมีคุณภาพดีขึ้นด้วย งบประมาณในการผลิตเครื่องมือชนิดนี้เพียง 4,000 บาท เท่านั้น (สยามรัฐ 15 กันยายน 2543 หน้า 20)





ข่าวทั่วไป


คอรัปชั่น

จากการเปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความตระหนักด้านความโปร่งใสจากการคอรัปชั่นของประเทศต่าง ๆ (Transparency International’s annual Corruption Perceptions Index) จากนักธุรกิจ นักวิเคราะห์ความเสี่ยง และประชาชนทั่วไปของประเทศต่าง ๆ 90 ประเทศ พบว่า ประเทศไทยอยู่ลำดับที่ 60 โดยได้คะแนน 3.2 คะแนน จากคะแนนสูงสุด 10 ซึ่งหมายถึง ไม่มีการคอรัปชั่น และต่ำสุดคือ 0 คือมีการคอรัปชั่นมากที่สุด ประเทศฟินแลนด์ เป็นประเทศที่ถูกจัดว่าสะอาดที่สุด คือ ไม่มีการคอรัปชั่น โดยได้คะแนนเต็ม 10 ในขณะที่ไนจีเรีย เป็นประเทศที่ถูกจัดว่า มีการคอรัปชั่นมากที่สุด โดยได้คะแนน 1.2 อินโดนีเซียถูกจัดอยู่ในลำดับ 85 ได้คะแนน 1.7 ส่วนประเทศสิงคโปร์ถูกจัดเป็นลำดับ 6 ได้คะแนน 9.1 การสำรวจครั้งนี้ดำเนินการโดยองค์กรอิสระที่เฝ้าติดตามการคอรัปชั่นในประเทศต่างๆ ทั่วโลก (Nation Thursday Sept. 14, 2000 front page)





ตึกแถวต้องเว้นที่ด้านหลัง 3 เมตร

กรมโยธาธิการได้ออกกฎกระทรวง ฉบับที่ 55 พ.ศ. 2543 ออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา และบังคับใช้ตั้งแต่ 8 สิงหาคม 2543 โดยเน้นเรื่องความปลอดภัย ความเป็นระเบียบเรียบร้อย และสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญในการสร้างตึกแถวจะต้องเว้นที่ว่างด้านหลังจากเดิม 2 เมตร เป็น 3 เมตร เพื่อก่อสร้างบันไดหนีไฟ และห้ามต่อเติมอาคารโดยเด็ดขาด ความกว้างของตึกแถวต้องกว้างและลึกอย่างน้อย 4 เมตร แต่ไม่เกิน 24 เมตร รั้วหรือกำแพงที่อยู่มุมถนนสาธารณะ 2 สายบรรจบกัน กว้างตั้งแต่ 3 เมตรขึ้นไป และมีมุมหักเหน้อยกว่า 135 องศา จะต้องปาดมุมรั้วหรือกำแพงมีระยะไม่น้อยกว่า 4 เมตร เพื่อสะดวกในการเข้าออกกรณีที่เกิดไฟไหม้ การติดป้ายโฆษณาบนหลังคาหรือดาดฟ้าอาคาร ต้องไม่ล้ำออกนอกแนวผนังของอาคารและมีความสูงวัดจากหลังคาไม่เกิน 6 เมตร (เดลินิวส์ 1 กันยายน 2543)






KMUTT Digital Library
Contact Digital Library : info@lib.kmutt.ac.th
Tel : 0-2470-8215