สัมผัสด้วยตา ...ผ่อนคลายด้วยกลิ่น ไร้อารมณ์เครียด ด้วย AROMA PICTURE
 |
พบธุรกิจเพื่อการคลายเครียด เป็นธุรกิจที่ช่วยคลายเครียด ผ่อนคลายด้วยภาพ...ทีเรียกว่า AROMA PICTURE
เป็นภาพที่มีกลิ่นหอม และใช้ประดับตกแต่งห้องให้เกิดความสวยงามได้ในคราวเดียว
ชัยทัต โชตยาภา เจ้าของ Picwizstudio ต้นไอเดีย AROMA PICTURE กล่าวว่า AROMA PICTURE
เป็นสินค้าใหม่ที่เกิดขึ้นจากการต่อยอดมาจากอาชีพเดิม ที่รักการถ่ายภาพ ประกอบอาชีพถ่ายภาพ ทั้งที่ประจำออฟฟิศ
และช่างภาพมืออาชีพ ตระเวนไปตามสตูดิโอต่างๆ แล้วแต่จะมีผู้ว่าจ้าง
พอถ่ายเก็บไว้มากๆ เข้า ก็เกิดความคิดต่อว่า จะสร้างสรรค์งานที่เกิดจากภาพดอกไม้ที่ถ่ายเก็บไว้ด้วยวิธีใดดี ก็มาลงตัวที่
กรอบรูปภาพดอกไม้"โดยนำภาพดอกไม้ที่สะสมไว้มาพรินต์ในมุมต่างๆ และใส่กรอบไม้ขาย |
จากนั้นก็ พัฒนาใช้เทคนิคการพิมพ์ภาพลงบนวัสดุต่างๆ ที่หลากหลายมากขึ้น อาทิ ภาพพิมพ์ดอกไม้ลงบนไม้ MDF
ภาพพิมพ์ดอกไม้ลงบนผ้า จากนั้นก็กลายมาเป็นการพิมพ์ภาพดอกไม้ลงบนผ้าเนื้อพิเศษ และมีกลิ่นด้วยซึ่งก็คือ AROMA PICTURE
สินค้าใหม่ล่าสุดที่มาเปิดตัวครั้งแรกในงาน BIG&BIG ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งก็ได้รับความสนใจพอสมควรทั้งจากลูกค้าชาวไทย
และต่างประเทศ เพราะเป็นภาพที่สวยด้วย ดูแล้วสบายตา สบายใจ และให้กลิ่นที่หอมเย็นด้วย ก็น่าจะเป็นโปรดักต์ ที่สร้างทางเลือกให้กับผู้ซื้อได้เพิ่มขึ้น
ในการซื้อไปเพื่อการบำบัด คลายเครียด และสบายอารมณ์
ชัยทัตกล่าวตอนท้าย ตอนนี้ AROMA PICTURE นับเป็นสินค้าใหม่ล่าสุด ที่ใช้วิธีการขายด้วยการแนะนำในงานแฟร์ ซึ่งเป็นช่องทางใหม่
จากเดิมที่ก่อนหน้านี้สินค้าจะขายผ่านเว็บไซต์ www.picwizstudio.com ซึ่งนอก จาก กรอบรูปผ้ามีกลิ่นหอม ก็มีสินค้าอื่นๆ อีก อาทิ
รูปบนกระเบื้อง รูปบนหินทรายหรือไลฟ์บอกซ์พิกเจอร์ ที่รับจ้างผลิตตามสั่ง ซึ่งเกือบทั้ง 100% จะเป็นสินค้าแฮนด์เมด ที่ต่อยอดมาจากอาชีพช่างภาพ
ที่มา: http://www.matichon.co.th/prachachart/prachachart_detail.php?
s_tag=02biz02110549&day=2006/05/11

Taxi อัจฉริยะ
 |
รถแท็กซี่เป็นระบบขนส่งสาธารณะอีกอย่างหนึ่ง ที่รู้จักกันดีและเป็นที่นิยมโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ประมาณการกันว่าในกรุงเทพฯ
มีรถแท็กซี่ที่จดทะเบียนถูกต้องกว่า 8 หมื่นคัน หากรวมที่ยังไม่จดทะเบียนแล้วอาจสูงกว่า 1 แสนคันอัน นำมาซึ่งปัญหาการจราจร สิ้นเปลืองพลังงานเชื้อเพลิง
รวมถึงปัญหาเรื่องความปลอดภัยทั้งผู้ขับขี่และคนโดยสาร หากไม่มีการบริหารจัดการที่ดี
ทีมวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จึงคิดค้นระบบจัดส่งรถให้บริการขนส่ง และบริหารการขนส่งอย่างชาญฉลาดผ่านการสื่อสารซีดีเอ็มเอขึ้นมา
เรียกสั้นๆ ว่า ระบบแท็กซี่อัจฉริยะ โดยได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) |
ผศ.ดร.วิศิษฏ์ หิรัญกิตติ หัวหน้าโครงการวิจัย จากห้องวิจัยการสื่อสารและคมนาคมชาญฉลาด ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
บอกว่า ได้กล่าวถึงที่มาของงานวิจัยชิ้นนี้ เริ่มทำกับนักศึกษาปริญญาโท เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งช่วงนั้นเรื่องนาวิเกเตอร์ หรือโปรแกรมนำทางยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
ต่อมาเมื่อมีการทำในเชิงพาณิชย์จึงคิดนำความรู้ที่ทำไว้ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ เพื่อให้เป็นเครื่องมือที่ดี ช่วยเพิ่มรายได้ ขับรถ |
 |
ปลอดภัยคุ้มครองผู้โดยสาร และที่สำคัญช่วยลดปัญหาการขาดแคลนพลังงานและปัญหาจราจรติดขัดได้ งานวิจัยประกอบไปด้วย 5 ส่วนหลักคือ
1.โปรแกรมเรียกรถแท็กซี่บนโทรศัพท์มือถือระบบCDMA
2. เซิร์ฟเวอร์แผนที่ เป็นเซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการรูปแผนที่กับส่วนที่ 1
3. เซิร์ฟ เวอร์ศูนย์แท็กซี่ เป็นเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้เรียกและติดตามรถแท็กซี่
4.ไคลเอนต์ในแท็กซี่เป็นอุปกรณ์แจ้งตําแหน่ง และแสดงผลบนรถแท็กซี่
5.เว็บไซต์ของศูนย์แท็กซี่ ใช้สําหรับการเฝ้าดูการนําส่งญาติมิตรของรถแท็กซี่เพื่อความปลอดภัย
การทํางานของระบบเป็นไปอย่างอัตโนมัติ เริ่มจากผู้โดยสารเรียกใช้โปรแกรมในโทรศัพท์มือถือ (ระบบซีดีเอ็มเอ) หรือผ่านทาง Call Center เพื่อเรียกรถแท็กซี่
โปรแกรมนี้ติดต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์แผนที่ เพื่อขอรูปแผนที่มาแสดงผล ผู้โดยสารใช้แผนที่ระบุจุดหมายที่จะเดินทางไป โปรแกรมจะส่งข้อมูลตําแหน่งของผู้โดยสาร และจุดหมายที่ต้องการไปให้กับเซิร์ฟเวอร์ศูนย์แท็กซี่เพื่อขอเรียกรถแท็กซี่ไปรับ โดยที่ทุกๆ ขณะ ไคลเอนต์ในรถแท็กซี่แต่ละคัน
จะส่งข้อมูลตําแหน่งของตนมาให้เซิร์ฟเวอร์ศูนย์เพื่อการติดตามแบบ Real-time
 |
ดังนั้นเมื่อเซิร์ฟเวอร์ได้รับการเรียกขอรถแท็กซี่ จากผู้โดยสารแล้ว จะค้นหารถแท็กซี่คันที่ว่าง ที่อยู่ใกล้ผู้โดยสารมากที่สุด แล้วแจ้งไปบอกยังแท็กซี่คันนั้น
ผู้ขับแท็กซี่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะรับหรือไม่รับ ถ้ารับ กดปุ่มเซิร์ฟเวอร์จะแจ้งให้ผู้โดยสารรู้ว่ามีรถแท็กซี่รับแล้ว สามารถติดตามดูได้จากแผนที่
เมื่อรถแท็กซี่ได้ไปรับผู้โดยสารแล้ว เซิร์ฟเวอร์ศูนย์จะส่งภาพ การติดตามนั้นขึ้นบนเว็บไซต์ ญาติของผู้โดย สารสามารถล็อกอินเข้ามาดูเพื่อติดตามการเดินทางนั้นได้แบบ Real-time
ซึ่งสร้างความอุ่นใจให้กับผู้โดยสารได้ แถมยังมีรายละเอียดผู้ขับขี่ รูปถ่ายรวมถึงทะเบียนรถเป็นการป้องปราม การกระทำผิดไปในตัวอีกด้วย |
ผู้วิจัยบอกว่า จะเติมกล้องเว็บแคมเข้าไป เพื่อใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น เช่น สามารถอ้างอิงเวลามีอุบัติเหตุต่างๆ ได้ ระบบนี้สามารถใส่ข้อมูลท่องเที่ยว หรือการโฆษณาประชาสัมพันธ์
หรือไปประยุกต์ใช้กับการขนส่งสินค้าได้ ด้านต้นทุน อุปกรณ์ติดตั้งในรถประมาณ 3 หมื่นบาทต่อคัน เซิร์ฟเวอร์ที่ศูนย์ประมาณ 8 หมื่นบาท
ที่มา http://content.kapook.com/content/publish/article_40450.shtml

พบสมุนไพร หมอกบ่วาย รักษามะเร็งตับ-ตับแข็ง
 |
ได้มีการสำรวจแหล่งสมุนไพร หมอกบ่วาย ซึ่งหมอพื้นบ้านอีสานเคยใช้รักษาโรคท้องมาน โรคตับแข็ง มะเร็งตับ มาลาเรีย
พบว่าสมุนไพรทรงคุณค่าชนิดนี้ มีเหลืออยู่เพียงแหล่งเดียวในประเทศไทย คือที่ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้เดินทางไปสำรวจสมุนไพรพื้นบ้านชนิดนี้ พบว่าในอดีตหมอพื้นบ้านในภาคอีสาน
ใช้ต้นแห้งนำมาดองกับเหล้า เพื่อรักษาโรคท้องมาน |
ส่วนต้นสดจะนำมาขยี้ทาแก้กลาก เกลื้อน ส่วนในตำรายาไทยใช้ทั้งต้น
กินแก้โรคบิด ต่อมน้ำเหลืออักเสบ และแก้ไข้มาลาเรีย ส่วนในตำรายาอีสานของไทยระบุว่า หมอกบ่วาย เป็นยาแก้เลือดออกทางขุทขน
ซึ่งน่าจะมาจากปัญหาตับวาย ทำให้เลือดออกง่าย ดังนั้นจึงมีการอนุรักษ์ และศึกษาวิจัยโดยกรมพัฒนาการแพทย์ฯ ระบุว่าหากได้ผลดี
ก็สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง โดยเฉพาะอาจเป็นข่าวดีของผู้ป่วยมะเร็งตับ โรคตับแข็ง ซึ่งสามารถลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศได้
ที่มา : วารสาร Alcohol Knowledge ฉบับที่ 7 1-15 มีนาคม 2549

ปูม้า สัตว์เศรษฐกิจ
 |
ปูม้าเป็นสัตว์เศรษฐกิจของไทย ด้วยความที่เนื้อของมันมีรสชาติดี แต่ปัจจุบันปริมาณปูม้าที่จับได้ในน่านน้ำไทยเริ่มร่อยหรอลง เพราะจับขึ้นมามากกว่าที่ธรรมชาติจะทดแทนได้ทัน
จึงเกิดงาน วิจัยเพื่อเพาะเลี้ยงปูม้า ซึ่งนอกจากจะช่วยอนุรักษ์ชีวิตปูม้าเล็กๆ ในธรรมชาติแล้ว ยังช่วยสร้าง อาชีพให้ชาวประมงที่อยู่บริเวณชายฝั่งอีกด้วย
ปูม้าเป็นปูที่อยู่ในวงศ์ปูว่ายน้ำ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Portunus pelagicus (Linnaeus 1758) หรือชื่อสามัญภาษาอังกฤษว่า blue swimming crab, flower crab, sand crab ลักษณะทั่วไปของปูม้า
จะมีกระดองกว้าง ระหว่างขอบตามีหยักประมาณสี่หยัก ขาสั้นกว่าก้าม ขาคู่ท้ายแบนเป็นรูปใบพาย |
ตัวผู้มีก้ามยาวกว่าตัวเมีย ลำตัวมีสีฟ้าอ่อน มีจุดสีขาวทั่วไปบนกระดอง พื้นท้องเป็นสีขาว ก้ามและขามีสีฟ้า
ปูม้าตัวเมียมีจับปิ้งที่แผ่กว้าง ขอบด้านข้างมีขนละเอียดทุกปล้อง ก้ามสั้นกว่าตัวผู้ กระดองสีน้ำตาลอ่อน มีตุ่มขรุขระ ไม่มีจุดสีขาวเหมือนตัวผู้ ปลายขามีสีม่วงแดง พบทั่วไปบริเวณชายฝั่งอ่าวไทย
และฝั่งอันดามัน ในระดับน้ำที่มีความลึกไม่เกิน 40 เมตร พบมากที่ความลึกประมาณ 7-30 เมตร บริเวณพื้นท้องทะเลที่เป็นโคลน ทราย โคลนปนทราย และหินปะการัง กินอาหารได้หลากหลาย
นับตั้งแต่สัตว์ เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา ไส้เดือนทะเล (เพรียงทราย เพรียงเลือด) เพรียงหิน (barnacle) ลงไปจนถึงหญ้าทะเลและสาหร่ายต่างๆ ว่ายน้ำเร็ว
ได้พบว่าปริมาณปูม้าที่จับขึ้นมาใช้ตั้งแต่ พ.ศ. 2539 เป็นต้นมา มีปริมาณสูงกว่ากำลังผลิตที่มีอยู่ตามธรรมชาติมาตลอด ยังผลให้ปริมาณที่จับได้หลัง พ.ศ. 2541 ลดลงเรื่อยๆ คำถามที่ตามมาคือ
จะเพิ่มปริมาณปูม้าให้มีมากตามความต้องการของตลาดได้อย่างไร?
พบว่าการเพาะเลี้ยงปูม้า น่าจะเป็นทางออกที่ดีและยั่งยืนทางหนึ่ง การผลผลิตปูม้าจำนวน 40,000 เมตริกตันต่อปี จะใช้พื้นที่บ่อเพียง 25,000 ไร่เท่านั้น
นับว่ามาตรการที่สามารถเพิ่มปริมาณปูม้าสนองความต้องการของตลาดแล้ว ยังเป็นแนวทางหนึ่งที่ จะช่วยลดการใช้ทรัพยากรปูม้าที่อยู่จำกัดตามธรรมชาติ
และช่วยเพิ่มโอกาสให้ปูรุ่นใหม่ได้มีโอกาสเข้าไปทดแทนประชากรปูที่ถูกจับใช้ทุกวันด้วย
ที่มา โดย... ผศ. ดร. บรรจง เทียนส่งรัศมี ผู้ประสานงานชุดโครงการปู
สำนักประสานงานวิจัยและพัฒนาพืชและสัตว์น้ำ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย
นิตยสาร UpDATE ฉบับ 223 เมษายน 2549
http://update.se-ed.com/223/swimming_crab.htm

เครื่องหั่นผักใบ
.ไฮเทค
 |
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) พัฒนา เครื่องหั่นผักใบ...ไฮเทค นวัตกรรมใหม่จากฝีมือคนไทย ใช้ประโยชน์ในการเตรียมวัตถุดิบแปรรูปอาหาร ประสิทธิภาพสูง
เหมาะสำหรับใช้ในภัตตาคาร ร้านอาหาร และอุตสาหกรรมอาหาร
ดร.นงลักษณ์ ปานเกิดดี ผู้ว่าการ วว. ชี้แจงว่า เครื่องหั่นผักใบไฮเทค เป็นอีกหนึ่งผลงานวิจัยที่ดำเนินงานภายใต้ โครงการวิศวกรรมย้อนรอยเครื่องเตรียมวัตถุดิบในการแปรรูปอาหาร :
เครื่องล้างทำความสะอาดและเครื่องหั่นผักผลไม้ เป็นเครื่องฯ ที่มีประสิทธิภาพในการหั่นผักใบชนิดต่างๆ อาทิเช่น ผักสลัด ผักกาด กะหล่ำปลี ต้นหอม พริก เพื่อใช้ในการเตรียมวัตถุดิบสำหรับในการแปรรูป
เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใช้ในภัตตาคาร ร้านอาหาร และอุตสาหกรรมอาหาร |
นายสัมพันธ์ ศรีสุริยวงศ์ นักวิชาการฝ่ายเทคโนโลยีอาหาร วว.ชี้แจงเพิ่มเติมว่า เครื่องหั่นผักใบ วว. มีขนาด (กว้าง*ยาว*สูง) 550*1200*1200 เซนติเมตร ออกแบบและใช้วัสดุที่ทำจากสแตนเสลเกรดอาหาร
ใช้ระบบสายพานในการส่งกำลังทั้งหมด ในส่วนของชุดใบมีดที่ใช้ในการตัดมีทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ 1. ใบมีดแบบ Twin Fly Cutter ใช้สำหรับหั่นวัตถุดิบให้มีความหนามากกว่า 10 มิลลิเมตร 2.
ใบมีดแบบ Slice Wheel 1 Blade (Circular Closed Disc) สำหรับหั่นวัตถุดิบให้มีความหนาน้อยกว่า 10 มิลลิเมตร และ3. ใบมีดแบบ Slice Wheel Multi Blades (Rib Type) 8-Rib Blades
สำหรับหั่นวัตถุดิบแผ่นบางน้อยกว่า 0.5 มิลลิเมตร ทั้งนี้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนเลือกใช้ชุดขนาดใบมีดตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ โดยการเปลี่ยนได้ในเพลาเดียวกัน
หลักการทำงานของเครื่อง โดยการเรียงวัตถุดิบที่ต้องการตัดเข้าสู่ตัวเครื่องหั่นผักใบทางสายพานป้อนวัตถุดิบ จากนั้นสายพานจะทำการผลักวัตถุดิบเข้าหาใบตัด
โดยมีสายพานด้านบนอีกตัวเป็นตัวช่วยพยุงเข้าสู่ใบตัด ทั้งนี้ผู้ใช้ต้องเลือกใบมีดให้เหมาะสมกับขนาดของผลิตภัณฑ์ที่ต้องการตัด และเมื่อวัตถุดิบผ่านใบมีดตัดเรียบร้อยแล้วผลิตภัณฑ์
จะตกลงสู่ช่องทางออกด้านล่าง ได้วัตถุดิบที่พร้อมสำหรับนำไปเข้ากระบวนการผลิตอื่นๆ ต่อไป
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายเทคโนโลยีอาหาร วว. โทร. 0 2 577 9133 ในวันและเวลาราชการ
ที่มา http://www.tistr.or.th/tistr2006/newsboard/show.php?Category=newsboard&No=49

ความเสี่ยงต่อไมเกรน
 |
แพทย์เตือนผู้นิยมชมชอบเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ แอลกอฮอล์ รวมทั้งอาหารที่ใส่ผงชูรสโดยเฉพาะ ส้มตำ ระวังมีโอกาสเสี่ยงสูงเป็นไมเกรน แนะรับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อและตรงเวลา
และรับประทานยาแก้ปวดสำหรับไมเกรนโดยเฉพาะ เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวด
รศ.นพ.ก้องเกียรติ กูณฑ์กันทรากร ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาวลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า อาการปวดศีรษะข้างเดียวนั้น ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดโรคที่แน่นอน
แต่ปัจจัยเสี่ยงที่เป็นตัวกระตุ้นที่สำคัญ ได้แก่ ผู้ที่มีปัญหาความดันโลหิตสูง พันธุกรรม ภาวะทางอารมณ์ เช่น กังวล โกรธ ตื่นเต้น ตกใจ เครียด รวมถึงสิ่งแวดล้อมก็มีตัวกระตุ้น |
นอกจากนี้ พฤติกรรมการรับประทานอาหารในชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคล ก็เป็นตัวกระตุ้นที่สำคัญต่ออาการปวดศีรษะไมเกรน เช่น รับประทานอาหารไม่ตรงต่อเวลา การอดอาหาร
และชอบรับประทานอาหารบางชนิดที่มีส่วนกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะไมเกรน เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะไวน์แดง เบียร์ วิสกี้ แชมเปญ รวมถึงเครื่องดื่มประเภทชา
กาแฟ อาหารที่ใส่ผลชูรส น้ำตาลเทียม และสารเจือปนอาหารอื่นๆ เช่น สารบอแร็กซ์ที่ใส่ในลูกชิ้น สารไนเตรท์ประเภทดินประสิว ที่ผสมในอาหารประเภทเนื้อทอดแดดเดียว
กุนเชียง แหนม แฮม ไส้กรอก เป็นต้น ดังนั้นผู้ป่วยไมเกรนจึงควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงและอาหารกระตุ้นต่าง ๆ
รศ.นพ.ก้องเกียรติ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ผู้ที่ชอบซื้อส้มตำมารับประทานก็มีโอกาสเสี่ยงสูงเช่นกัน เพราะในส้มตำส่วนใหญ่มักจะมีผงชูรสเป็นส่วนประกอบในสัดส่วนที่สูง ดังนั้น
ผู้ป่วยไมเกรนจึงควรระมัดระวัง สังเกตอาหารที่แพ้ และให้ความสำคัญเรื่องอาหารการกินที่เหมาะสม โดยรับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อและตรงต่อเวลา ก็จะช่วยลดอาการไมเกรนลงได้
กรณีที่ผู้ป่วยมีอาการไมเกรนกำเริบบ่อยๆ แพทย์จะแนะนำให้รับประทานยาไมเกรนในกลุ่มป้องกันอาการปวดไมเกรน ซึ่งจะใช้เฉพาะกับผู้ป่วยไมเกรนที่มีอาการปวดศีรษะบ่อยๆ เท่านั้น
เช่น เกือบทุกวัน หรือ เกือบทุกสัปดาห์ แต่ทั้งนี้ไม่แนะนำให้ผู้ป่วยซื้อยากินเอง เพราะทำให้เกิดปัญหาการใช้ยาแก้ปวดแบบผิดๆ และเกิดปัญหาตามมา
สำหรับผู้ที่กำลังประสบปัญหาไมเกรน ติดต่อขอรับคู่มือ รู้จักไมเกรน ได้ฟรี โดยส่งจดหมายขอรับไปที่ โครงการความรู้เรื่องไมเกรน ตู้ปณ.41 ปณฝ.หัวหมาก บางกะปิ กทม. 10243
ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์12 พฤษภาคม 2549 16:54 น.
http://www.rssthai.com/reader.php?t=health&r=5301

ระวัง อ้วนฉุกับพิซซ่าซีฟูดขอบชีส
 |
รายงานการวิจัยโครงการสุ่มศึกษาวิเคราะห์ตัวอย่างอาหารและน้ำ และการศึกษาข้อมูลจากกรณีศึกษา โดย ผศ.ดร.สิทธิพงษ์ ดิลกวณิช และคณะ จากม.มหิดล ภายใต้การสนับสนุนของเครือข่ายวิจัยสุขภาพ
มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ระบุชัดถึงสถานการณ์ปัญหาภาวะโภชนาการเกินในเด็กไทย เนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคขนมและอาหารว่างที่ไม่เหมาะสม
จากการสำรวจอาหารฟาสต์ฟู้ดที่เด็กวัยรุ่นในปัจจุบันนิยมรับประทาน เพื่อนำมาวิเคราะห์คุณค่าสารอาหาร พบว่า สัดส่วนการได้รับพลังงาน จากการรับประทานพิซซ่าหน้าซีฟู้ดขอบชีสไส้กรอก และแฮม
ต่อ 1 ชิ้น น้ำหนัก 139 กรัม คิดเป็นสัดส่วนการได้รับพลังงานจากคาร์โบไฮเดรต ร้อยละ 38.7 พลังงานจากโปรตีน ร้อยละ 22.3 |
และพลังงานจากไขมัน ร้อยละ 39 ในขณะที่สัดส่วนพลังงานที่แนะนำใน 1 วัน
คือ คาร์โบไฮเดรต ร้อยละ 55-65, โปรตีน ร้อยละ 10-15 และไขมัน ร้อยละ 25-30 ดังนั้นหากรับประทานพิซซ่าเป็นอาหารหลัก แม้ว่าพลังงานที่ได้รับจะไม่มากแต่การกระจายของพลังงานก็ไม่เหมาะสม
เพราะได้รับไขมันมากเกินความจำเป็น อีกทั้งในพิซซ่ายังมีโซเดียมอยู่ในปริมาณที่สูงถึง 533.8 มิลลิกรัม ต่อ 1 ชิ้น ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูงอีกด้วย
ผศ.ดร.สิทธิพงษ์ได้แนะนำเพิ่มเติมว่าหากต้องการจะรับประทานพิซซ่าจริงๆ ก็ควรได้รับผักเพิ่ม เช่น ผักสลัดที่ใช้ทำสลัดซึ่งไม่มีไขมันและควรได้รับผลไม้หลังอาหารด้วย
แต่หากรับประทานพิซซ่าเป็นอาหารมื้อว่าง ถือว่าไม่เหมาะกับสุขภาพเพราะพลังงานที่ได้รับมากเกินไป อันเป็นสาเหตุที่ทำให้อ้วน รวมทั้งนำไปสู่โรคไม่ติดต่อเรื้อรังอื่นๆ เช่นโรคความดันโลหิตสูง
โรคหัวใจและหลอดเลือด หรือเบาหวานได้
ขณะที่ ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย และสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้นำเสนอหลักเกณฑ์ทางเลือกของการบริโภคขนมและอาหารว่างสำหรับเด็กไทย ว่า
1) ไม่ควรบริโภคขนมเกินวันละ 2 มื้อ
2) ปริมาณพลังงานจากอาหารว่างไม่ควรเกิน ร้อยละ 20 ของพลังงานที่ควรได้รับทั้งวัน โดยเฉลี่ยมื้อละ 100-150 กิโลแคลอรี สำหรับเด็กอายุ 2-5 ปี
3) ควรจำกัดปริมาณน้ำมัน น้ำตาล และโซเดียมไม่ให้สูงเกินไป โดย น้ำมันไม่ควรเกินวันละ 5 กรัม น้ำตาลไม่ควรเกินวันละ 24 กรัม และโซเดียมไม่ควรเกินวันละ 200 มิลลิกรัม
4) ควรมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอีกไม่น้อยกว่า 2 ชนิด แต่ละชนิดมีปริมาณไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 10 ของปริมาณ ที่ควรได้รับต่อวัน ซึ่งได้แก่ โปรตีน,เหล็ก,แคลเซียม,วิตามินเอ,วิตามินซี,วิตามินบี 1,วิตามินบี 2 และใยอาหาร
5) ควรมีกลุ่มอาหารตามธงโภชนาการไม่น้อยกว่า 2 กลุ่ม(กลุ่มข้าว,แป้ง,ผัก,ผลไม้,เนื้อสัตว์,ถั่วเมล็ดแห้ง,นมฯ)
6) ผลไม้สดเป็นอาหารว่างทางเลือกที่ดี มีประโยชน์ มีแร่ธาตุ ใยอาหาร และวิตามิน
ที่มา : โดย ผู้จัดการออนไลน์ 17 พฤษภาคม 2549 09:56 น.

เลิกใช้ชีวิตติด เค็ม
 |
วิถีชีวิตอันเร่งรีบของผู้คนในสังคมปัจจุบัน ที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นสังคมเมืองหรือกึ่งสังคมเมือง ทำให้วิถีการบริโภคต้องเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ที่นิยมทำอาหารรับประทานเองภายในบ้าน
จากการสำรวจของกรมอนามัยถึงแบบแผนการบริโภค ของประชากรทั่วไป อายุ 15-54 ปี เขตกรุงเทพมหานคร ปี 2547 พบว่า กลุ่มตัวอย่างนิยมบริโภคบะหมี่ปรุงสำเร็จมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 70
รองลงมาเป็นอาหารฟาสต์ฟู้ด จากพฤติกรรมการบริโภคดังกล่าว ดร.อรัฐา รังผึ้ง สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค ระบุว่า ทำให้มีโอกาสเพิ่มปริมาณการบริโภคเกลือและสารให้ความเค็มเพิ่มมากขึ้น |
บ่งถึงแนวโน้มคนไทยบริโภคเกลือมากกว่าสามเท่าของมาตรฐานปริมาณที่ควรได้รับในแต่ละวัน คือ เกลือแกงไม่เกินหนึ่งช้อนชา
ดร.อรัฐา ให้ข้อมูลว่า จากสถิติของกระทรวงสาธารณสุข พบว่ามีจำนวนผู้ป่วยเป็นความดันโลหิตสูงเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าในรอบระยะเวลา 7 ปี ซึ่งสอดคล้องกับการเพิ่มสูงขึ้นของปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิด
ภาวะความดันโลหิตสูงที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการบริโภคอาหารที่เกินพอดี จนมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน ปริมาณการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และอาหารเค็มที่มีปริมาณสูงขึ้น
นอกจากนี้ยังมีผลให้เกิดโรค อัมพฤกษ์ อัมพาต และทำให้ผนังกล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างซ้ายหนาขึ้นอีกด้วย ทำให้ไตทำงานหนักมากขึ้น ส่งผลให้ไตเสื่อมสภาพอันจะเป็นสาเหตุของการเกิดโรคไตได้อีกด้วย
ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงหรือลดการเติมน้ำปลา ซีอิ๊วหรือซอสปรุงรสในอาหารปรุงสำเร็จ เช่น กะปิ ปลาเค็ม ไข่เค็ม เป็นต้น ขนมกรุบกรอบที่รับประทานแล้วเพลินและมีเกลือมาก เช่น มันฝรั่งทอด ข้าวเกรียบกุ้ง
และอาหารสำเร็จรูป ควรบริโภคให้น้อยลง และเพิ่มการรับประทานผัก ผลไม้ ทุกมื้อของอาหาร หรือ ผักครึ่งจาน
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ 18 พฤษภาคม 2549 09:48 น. http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9490000064774

แอปเปิ้ล ผลไม้มหัศจรรย์
 |
An apple a day keeps the doctor away.เป็นประโยคอมตะของฝรั่ง ที่เปรียบเปรยสรรพคุณของแอปเปิ้ล ว่ารับประทานเพียงวันละผล ก็ไม่ต้องไปหาหมอแล้ว เดี๋ยวนี้แอปเปิ้ลหาซื้อได้ง่าย
ราคาก็ไม่แพงนัก แถมสรรพคุณก็มากมายจริงๆ
บทความในวารสารการแพทย์สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2470 เคยยกย่องว่า แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยภาวะเลือดเป็นกรด ไขข้อรูมาติก เกาต์ ดีซ่าน และอื่นๆ และสารสำคัญบางตัว
เช่น เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ที่ชื่อว่า เพคติน และยังมีกรด 2 ชนิด คือ กรดมาลิคและกรดทาร์ทาริก ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีนและไขมัน |
ปัจจุบันมีการกล่าวอ้างสรรพคุณของแอปเปิ้ลมากมาย เช่น บำรุงหัวใจ ลดคอเลสเตอรอล ลดความดัน ควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด ลดความอยากอาหาร ช่วยกระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ
ช่วยควบคุมน้ำหนัก และฆ่าเชื้อไวรัส เป็นต้น
สาวๆ สามารถนำไปเป็นเทคนิคควบคุมน้ำหนักอย่างง่ายๆ เวลาที่ต้องไปงานเลี้ยง คือเมื่อเริ่มตักอาหาร ให้ตักผลไม้ก่อน เลือกแอปเปิ้ล ส้ม หรือผลไม้ที่มีกากใยมากๆ
รับประทานรองท้องแทนอาหารออเดิร์ฟ ในเวลาไม่เกิน 10 นาที น้ำตาลผลไม้โมเลกุลเดี่ยวจะถูกดูดซึม ทำให้ความอยากอาหารลดลง คุณจึงรับประทานอาหารคาวได้น้อยลง
แต่รู้สึกอิ่มได้ดีกว่าอาหารจำพวกแป้งหรือน้ำตาลอื่นๆ
แอปเปิ้ลผลขนาดกลางเพียง 1 ผล ล้างให้สะอาดโดยไม่ปอกเปลือก มีคุณค่าทางโภชนาการโดยประมาณดังนี้
- พลังงาน 80 แคลอรี
- วิตามิน บี6 0.1 กรัม
- วิตามิน ซี 7.9 มิลลิกรัม
- เหล็ก 0.2 มิลลิกรัม
- ทองแดง 0.1 มิลลิกรัม
- โพแทสเซียม 158.7 มิลลิกรัม
แต่ถ้าปอกเปลือกปริมาณสารสำคัญจะลดลง จากการทดลองพบว่า แอปเปิ้ลผลสดๆ เท่านั้นที่มีสรรพคุณเช่นนี้ การดื่มน้ำแอปเปิ้ลไม่ทำให้คุณหายหิว แถมจะทำให้น้ำหนักของคุณเพิ่มขึ้นด้วย
ที่มา : เอมอร คชเสนี 18 พฤษภาคม 2549 09:50 น.
http://www.rssthai.com/reader.php?t=health&r=5301 |